คำเทศนาที่ให้ความหวังกับความมั่งคั่งทางทรัพย์สมบัติ (Prosperity Preaching)




คำเทศนาที่ให้ความหวังกับความมั่งคั่งทางทรัพย์สมบัติ (Prosperity Preaching)


เขียนโดย  Padunkiaet Vejvechaneyom



มีผู้รู้ท่านหนึ่ง (John Piper) ได้เสนอข้อพระคัมภีร์ที่เราสามารถใช้แก้ต่างเกี่ยวกับคำสอนเรื่อง "คำเทศนาที่ให้ความหวังกับความมั่งคั่งทางทรัพย์สมบัติ" (Prosperity Preaching) ไว้ 7 ประการ (ผมเรียบเรียงได้ดัดแปลงและปรับเปลี่ยนบางส่วน) ดังนี้:


(1) "คำเทศนาที่ให้ความหวังกับความมั่งคั่งทางทรัพย์สมบัติ" (Prosperity Preaching) เป็นหลักคำสอนที่ทำให้คนเราเข้าสู่สวรรค์ได้ยากขึ้น
พระเยซูคริสต์ตรัสใน มาระโก 10:25 ดังนี้ “อูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า””
ธรรมชาติของมนุษย์ ทรัพย์สมบัติของเขาอยู่ที่ไหนใจของเขาก็อยู่ที่นั่น เมื่อใจอยู่ในโลกก็คงเป็นการยากที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ ถ้าทรัพย์สมบัติเขาอยู่ในสวรรค์ ใจของเขาก็จะอยู่ในสวรรค์
อย่าลืมว่าบ้านที่แท้จริงและชีวิตนิรันดร์ของคริสเตียนอยู่ในสวรรค์ เป็นฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่
พระเยซูทรงบอกชายเศรษฐีให้ไปขายสิ่งของที่มีอยู่และนำไปแจกจ่ายให้คนยากจน และจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วให้ติดตามพระองค์ไป (มาระโก 7:17-22) พระเยซูคงไม่ได้หมายความให้เราทุกคนต้องทำแบบนั้น แต่พระองค์อาจเรียกบางคนให้ทำแบบนั้นก็ได้ จุดหลักคือ ใจรักพระเจ้าต้องมาเป็นอันดับแรก เชื่อและวางใจในพระองค์ก่อน

(2) เกี่ยวกับสนับสนุนผู้คนให้ทิ่มแทงตัวเองและถึงความพินาศจากความอยากร่ำรวย
การรักเงินทองเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย "เพราะว่าการรักเงินทองเป็นรากเหง้าของความชั่วทั้งหมด ความโลภเงินทองนี้ที่ทำให้บางคนหลงไปจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์มากมาย" (1 ทิโมธี 6:10)
การมีเงินทองก็เพื่อแจกจ่ายช่วยคนยากจนด้วย พระเจ้าทรงเห็นความสำคัญในเรื่องการช่วยเหลือคนยากจน
ให้อยู่อย่างพอเพียงพอใจในทางพระเจ้า พอใจในทรัพย์ที่มี การอยากร่ำรวยจะเป็นสิ่งล่อใจให้ทำผิดหรือลืมพระเจ้า ตกสู่บาปได้ง่าย และพอมีเงินทองมากๆ ธรรมชาติผิดบาปของมนุษย์จะนำพาเขาเข้าสู่การทดลองต่างๆง่ายยิ่งขึ้น ซาตานจะโจมตีเข้ามามากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น โอกาสล้มลงในการบาปก็ง่ายขึ้น มีตัวอย่างให้เห็นมากมายแล้ว
ถ้าพระเจ้าให้ท่านร่ำรวย ก็ขออธิษฐานขอสติปัญญาในการบริหารทรัพย์ด้วย อย่าลืมคนจนโดยเฉพาะพี่น้องผู้ร่วมความเชื่อและรวมถึงคนความเชื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ชาติไหน และ อย่าลืมการประกาศข่าวประเสริฐที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ ช่วยคนยากไร้และนำข่าวประเสริฐไปพร้อมๆกัน ความรอดของจิตวิญญาณสำคัญที่สุด

(3) ค่านิยมที่ผิดๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สมบัติที่จะเสื่อมสลายไปกับโลกนี้
โลกนี้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของพวกเราไม่กี่สิบปีเราก็จากโลกนี้กันไปทุกคน ไม่มีใครเอาอะไรออกไปจากโลกนี้ได้ เข้ามาตัวเปล่า ออกไปตัวเปล่า
วิธีการอันหนึ่ง คือ ให้เราเปลี่ยนทรัพย์สมบัติที่เสื่อมสลายของโลกนี้ไปเป็นทรัพย์สมบัตินิรันดร์ของสวรรค์ ด้วยการสร้างบำเหน็จ ทำความดี ใช้ทรัพย์ช่วยเหลือคนยากจน ใช้ช่วยในงานของพระเจ้า ช่วยนำคนมาพบความรอดโดยการประกาศข่าวประเสริฐทั้งใกล้และไกล บำเหน็จในสวรรค์รอคริสเตียนอยู่ เป็นสิ่งที่มั่นคง เก็บรักษาไว้โดยพระเจ้า ไม่เสื่อมสลาย ไม่ร่วงโรย

(4) อย่าให้คนเราคิดว่าการทำงานหนักเพื่อเราจะร่ำรวยเพื่อที่เราจะได้แสวงหาความสุขและสนองตัณหาและค่านิยมฝ่ายโลก แต่ให้เราทำงานหนักเพื่อจะได้มีไว้สำหรับแจกจ่ายแก่ผู้ที่ขัดสนและมีความจำเป็นและเพื่อพระมหาบัญชาประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วลูกโลก
ท่านเปาโลกล่าวเตือนว่า “คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีกต่อไป แต่จงใช้มือ [ของตน] (สำเนาโบราณบางฉบับไม่มี ของตน) ตรากตรำทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรแจกจ่ายให้คนที่มีความจำเป็น” (เอเฟซัส 4:28)
คนที่มีเงินเดือนๆละ100,000 บาท ก็ไม่ควรจะดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากคนที่มีเงินเดือนๆละ 30,000 บาท ใช้จ่ายแต่พอประมาณ แทนที่จะชื้อรถแพงๆ บ้านหลังใหญ่ๆ ก็ใช้รถคันเดิมไปก่อน อยู่บ้านหลังเดิมไปก่อนถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆที่จะต้องเปลี่ยน แล้วก็ใช้เงินในส่วนนั้นแจกจ่ายให้กับพี่น้องหรือคนที่ขัดสนหรือมีความจำเป็นและเพื่อการงานของพระเจ้า
ยังมีคนอีกเป็นจำนวนที่ยังยากไร้ อดอยาก และตายเพราะไม่มีอะไรจะกินวันละกว่า 25,000 คน และที่สำคัญคือ มีมากกว่า 4 พัน 5 ร้อยล้านคนที่ไม่ได้ยินข่าวประเสริฐ และปลายทางพวกเขา คือ นรกนิรันดร์ เราต้องช่วยคนเหล่านี้
การใช้จ่ายของเราควรพอประมาณ หาความสุขและเพลิดเพลินพอประมาณ เก็บไว้ใช้ยามยากจำนวนหนึ่ง แบ่งส่วนหนึ่งเพื่อคนจนและงานของพระเจ้า

(5) แต่จงสอนให้มีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ เพื่อเป็นการถวายเกียรติกับพระสัญญาของพระเจ้า ดังที่มีบันทึก ใน ฮีบรู 13:5-6
“ท่านอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่ เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า เราจะไม่ละท่าน หรือทอดทิ้งท่านเลย 6 เพราะฉะนั้นเราอาจกล่าวด้วยความมั่นใจว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว ใครจะทำอะไรกับข้าพเจ้าได้เล่า?” (ฮีบรู 13:5-6 )
ซึ่งตรงกับคำตรัสของพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทยเราในเรื่องของ “เศรษฐกิจพอเพียง”
พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งคนของพระองค์ พระองค์จะทรงเลี้ยงดูตามความจำเป็น อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม (มัทธิว 6:25-26)

(6) อย่าทำให้ใครตกเข้าสู่การถูกรัดไม่ให้เติบโตได้อันเนื่องมาจากอุปสรรคทางฝ่ายโลก เสมือนเมล็ดพืชตกในดินดี ไม่มีขวากหนามมาสกัดกั้นการเติบโต (มัทธิว 13:3-9)
ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการท่องเที่ยว ดนตรี และ ภาพยนตร์ หรือ ความสนุกสนานในรูปแบบอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ถ้ามีมากจนเกินพอดี ก็จะเป็นอันตรายต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณได้และยังเป็นตัวขวางกั้นต่อการเติบโตทางฝ่ายวิญญาณอีกด้วย

(7) พระคริสต์ไม่ได้มาตายเพื่อพวกเราเพื่อเห็นแก่เงินทองและทรัพย์สมบัติของโลกนี้ แต่พระองค์มาตายแทนเราเพื่อทรัพย์สมบัติทางฝ่ายสวรรค์

(8) หวังว่าพี่น้องคงได้รับความสว่างทางฝ่ายวิญญาณและมีความเข้าใจที่ถูกต้องและสอดคล้องตรงตามพระคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องความมั่งมีทางฝ่ายโลก คำสอนที่พระเจ้าจะให้ผลตอบแทนเป็นผู้ที่มาเชื่อพระเยซูคริสต์ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยทางฝ่ายโลก พระเจ้าไม่ได้ทรงให้พระสัญญาเช่นนั้น และ ไม่ใช่สิ่งที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สอนไว้แต่อย่างใด