คริสเตียนจะต้องถือธรรมบัญญัติเดิมหรือไม่ ?


"คริสเตียนจะต้องถือธรรมบัญญัติเดิมหรือไม่ ?"

เขียนโดย Padunkiaet Vejvechaneyom

[ต่อไปนี้ เป็นมุมมองของผู้รู้คริสเตียนแบบมาตรฐานทั่วไป ซึ่งอาจแตกต่างจากการตีความของพี่น้องกลุ่มรากยิว (Hebraic Roots หรือ Jewish Roots) หรือ กลุ่ม 7 th Day Adventist ที่ถือวันสะบาโตและกฏเรื่องอาหาร]

1. ธรรมบัญญัติเดิมผูกติดกับพันธสัญญาเดิม ธรรมบัญญัติใหม่ผูกติดกับพันธสัญญาใหม่ รองรับซึ่งกันและกัน

2. ขอเราอ่านพระธรรมเยเรมีย์ 31:31-33 ดังต่อไปนี้:
.....“พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสว่า “นี่‍แน่ะ วัน‍เวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธ‌สัญญาใหม่กับเชื้อ‍สายของอิสรา‌เอลและเชื้อ‍สายของยู‌ดาห์ 32 ไม่เหมือนกับพันธ‌สัญญาซึ่งเราได้ทำกับบรรพ‌บุรุษของเขา‍ทั้ง‍หลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่น‍ดินอียิปต์ เป็นพันธ‌สัญญาของเราซึ่งเขาฝ่า‍ฝืน ถึง‍แม้‍ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสดัง‍นี้แหละ 33 “แต่นี่จะเป็นพันธ‌สัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อ‍สายของอิสรา‌เอลภาย‍หลังสมัยนั้น” พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสดัง‍นี้แหละ “เราจะบรร‌จุธรรม‍บัญญัติไว้ในเขา‍ทั้ง‍หลาย และเราจะจา‌รึกมันไว้บนดวง‍ใจของเขา และเราจะเป็นพระ‍เจ้าของเขา และเขาจะเป็นประ‌ชา‍กรของเรา 34 และทุกคนจะไม่สอนเพื่อน‍บ้านและพี่‍น้องของตนแต่‍ละ‍คนอีกว่า ‘จงรู้‍จักพระ‍ยาห์‌เวห์’ เพราะเขาทุกคนจะรู้‍จักเราตั้ง‍แต่คนเล็ก‍น้อยที่‍สุดถึงคนใหญ่โตที่‍สุด” พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสดัง‍นี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความผิด‍บาปของเขา และจะไม่จด‍จำบาปของเขาอีก‍ต่อ‍ไป”” (เยเรมีย์ 31:31-33)
......จากที่ยกมา กล่าวชัดเจนว่าเป็น "พันธสัญญาใหม่" ที่ "ไม่เหมือน" ของเดิม คือ เป็นของใหม่ ไม่ใช่ของเก่านำมาปรับใหม่ และ พระยาห์เวห์จะ "บรรจุธรรมบัญญัติใหม่ไว้ในใจของพวกเขา" (เชื้อสายของอิสราเอลและยูดาห์) และ ที่เด่นชัดคือมี "การอภัยความผิด‍บาป" ของเขาและจะไม่มี "การจด‍จำบาป" ของเขาอีก‍ต่อ‍ไปเป็นลักษณะที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่แตกต่างจากของเดิม
......นอกจากนี้ ถ้าดูตามฉบับ Septuagint ก็จะเห็นว่าตรงคำว่า "ธรรมบัญญัติ" ใช้คำว่า "laws" ซึ่งเป็นรูปพหูพจน์ (ซึ่งเหมือนกับ "laws" ที่ใช้ในพระธรรมฮีบรู 8:8-12 ที่ยกมาจากพระธรรมเยเรมีย์ตอนนี้) ดังนั้น laws จึงเป็นธรรมบัญญัติใหม่ที่อาจเหมือนของเดิมและไม่เหมือนของเดิมก็ได้

3. เราจึงอาจสรุปได้ว่า "ธรรมบัญญัติ" ของพันธสัญญาใหม่เป็นธรรมบัญญัติที่ "สดใหม่" ที่จะมาจากพระเมสสิยาห์ (พูดง่ายๆในตอนนี้คือ "กฎของพระคริสต์" นั่นเอง) ในปัจจุบันเราหาได้จากคำสอนของพระเยซูคริสต์คริสต์และของอัครทูตของพระองค์ที่มีบันทึกในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

4. คริสเตียนได้รับและเข้าในพันธสัญญาใหม่นี้่ร่วมกับอิสราเอลและยูดาห์ก็โดยผ่านทาง "พระโลหิตของพระคริสต์" ที่หลั่งออกมา (มัทธิว 26:28; ลูกา 22:20; 1 โครินธ์ 11:25)

5. นอกจากนี้ ในพระธรรมฮีบรู 7:11-12 ก็กล่าวชัดเจนว่าเมื่อระบบปุโรหิตเปลี่ยนแปลงแล้ว ธรรมบัญญัติก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปด้วยซึ่งเป็นการยืนยันที่ชัดเจนว่าธรรมบัญญัติของเดิมต้องถูกเปลี่ยนใหม่
.....“ดังนั้น ถ้าความบริบูรณ์บรรลุได้ทางระบบปุโรหิตเผ่าเลวี (เพราะว่าประชาชนได้รับธรรมบัญญัติโดยระบบนี้) ทำไมจะต้องมีปุโรหิตอีกตามแบบอย่างของเมลคีเซเดค ไม่ใช่ตามแบบอย่างของอาโรน? 12 เพราะเมื่อระบบปุโรหิตเปลี่ยนแปลงแล้ว ธรรมบัญญัติก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปด้วย” (ฮีบรู 7:11-12)

6. มีผู้รู้คริสเตียนบางกลุ่มอาจอ้างว่าธรรมบัญญัติถูกเปลี่ยนเฉพาะในแง่ของการถวายสัตวบูชาหรือแค่การถวายสิบลด ที่เหลือยังเหมือนเดิม ซึ่งไม่น่าใช่เช่นนั้น เพราะธรรมบัญญัติเดิมเป็นสิ่งที่แบ่งแยกไม่ได้ มีความเป็นหนึ่งเดียว และ ระบบปุโรหิตถือเป็นเส้นเลือดหลักของธรรมบัญญัติเดิม เนื่องจากมีความเป็นหนึ่งเดียว ทุกสิ่งจึงขาดกันไม่ได้ (มาด้วยกันไปด้วยกัน) พระยาห์เวห์ทรงเตือนไว้ว่าห้ามแบ่งห้ามเติมธรรมบัญญัติเดิม
.....“ท่าน‍ทั้ง‍หลายอย่าแต่งเติมถ้อย‍คำที่ข้าพ‌เจ้าบัญชาท่านไว้ และอย่าตัดสิ่ง‍ใดออก เพื่อท่านจะรักษาพระ‍บัญญัติของพระ‍ยาห์‌เวห์พระ‍เจ้าของท่านซึ่งข้าพ‌เจ้าได้บัญชาท่าน” (เฉลยธรรมบัญญัติ 4:2)
.....และ ในพระธรรมยากอบก็บอกว่าผิดข้อเดียวผิดทั้งหมด (ยากอบ 2:10)

7. ผู้ที่เปลี่ยนพันธสัญญาและธรรมบัญญัติคือพระยาห์เวห์ เป็นแผนการความรอดของพระองค์ที่เป็นไปตามลำดับขั้นเพื่อมนุษยชาติ (ยิวและคนต่างชาติ) เมื่อพระองค์ทรงให้พระเยซูคริสต์มาตายบนกางเขนและทรงฟื้นคืนพระชนม์กลับเป็นขึ้นมา เท่ากับเป็นการเข้าสู่ "การทรงสร้างใหม่" เข้าสู่ "ยุคใหม่" เป็น "ยุคของพระวิญญาณ" คริสเตียนเดินด้วยพระวิญญาณของพระคริสต์และด้วยกฎของพระคริสต์

8. ก่อนจบ ขอให้สังเกตสิ่งที่เขียนในพระธรรมเยเรมีย์ 3:16-18 ที่กล่าวว่า
.....“และเมื่อพวก‍เจ้าทวีและเพิ่มขึ้นในแผ่น‍ดินนั้น ในเวลานั้น” พระ‍ยาห์‌เวห์ตรัสดัง‍นี้แหละ “เขา‍ทั้ง‍หลายจะไม่กล่าวอีกว่า ‘หีบ‍พันธ‌สัญญาแห่งพระ‍ยาห์‌เวห์’ เรื่องนี้จะไม่‍มีขึ้นในใจ ไม่‍มีใครกล่าว‍ถึง ไม่‍มีใครนึก‍ถึง จะไม่ทำขึ้นอีกเลย 17 ในครั้ง‍นั้นจะเรียกกรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็มว่าเป็นพระ‍ที่‍นั่งของพระ‍ยาห์‌เวห์ และบรร‌ดาประ‌ชา‍ชาติจะรวบ‍รวม‍กันเข้า‍มายังกรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็มเพื่อพระ‍นามของพระ‍ยาห์‌เวห์ และพวก‍เขาจะไม่ดื้อ‍รั้นดำ‌เนินตาม‍ใจชั่วของเขาอีก‍ต่อ‍ไป 18 ในเวลานั้นเชื้อ‍สายของยู‌ดาห์จะเดินมากับเชื้อ‍สายของอิสรา‌เอล เขาทั้ง‍สองจะรวม‍กันมาจากแผ่น‍ดินฝ่ายเหนือมายังแผ่น‍ดินซึ่งเรามอบให้แก่บรรพ‌บุรุษของเจ้าเป็นมรดก” (เยเรมีย์ 3:16-18)
.....กล่าวคือ ของเดิมนั้น อันได้แก่ หีบ‍พันธ‌สัญญาแห่งพระ‍ยาห์‌เวห์ "เรื่องนี้จะไม่‍มีขึ้นในใจ ไม่‍มีใครกล่าว‍ถึง ไม่‍มีใครนึก‍ถึง จะไม่ทำขึ้นอีกเลย"