Didache คืออะไร ? ฝากไว้ประดับความรู้ !!!
เขียนโดย Padunkiaet Vejvechaneyom
ผมเคยอ่านหนังสืออธิบายพระคัมภีร์โดยเฉพาะภาคพันธสัญญาใหม่ มักเจอผู้รู้อ้างข้อเขียนที่ยกมาจาก Didache (อ่านว่า "ดิดอาเค") เป็นประจำ แต่ไม่เคยค้น ไม่เคยสนใจ ไม่รู้ว่าคืออะไรด้วย ตอนหลังลองตรวจสอบดู ก็เลยอยากมาเล่าให้ฟัง เผื่อใครอ่านเจอจะได้ไม่สงสัยว่าผู้รู้เขาพูดหรืออ้างถึงอะไร
Didache คือ หนังสือที่เขียนโดยบรรดาเหล่าอัครทูตหรือบรรดาลูกศิษย์ของเหล่าอัครทูต เขียนถึงคริสตจักรต่างๆในสมัยแรกนั้น เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีพระคัมภีร์ใหม่รวมเล่มและพระธรรมหลายตอน (เช่น จดหมายฝากของท่านเปาโล เปโตร) ก็อาจจะยังไม่ได้เขียนขึ้นหรือยังไม่แพร่หลาย (แล้วแต่ว่าเข้าใจว่า Didache เขียนขึ้นปีไหน)
หนังสือ Didache นี้บรรดาผู้นำคริสตจักรยุคแรกอ้างถึงกันมากในข้อเขียนของพวกท่าน บางท่านก็ถือว่าเป็นพระวจนะจากการดลใจถือเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์เลยทีเดียว (แต่สุดท้ายก็ไม่ถูกรวมเข้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่) บรรดาผู้รู้ในปัจจุบันก็ยังอ้างหนังสือนี้ในข้อเขียนของท่าน ใครอ่านหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ (commentaries) ภาษาอังกฤษจะพบมีการอ้างถึงมากมาย
หนังสือนี้สูญหายไปนานกว่า 1000 กว่าปีจนคนรุ่นใหม่ๆถัดมาหลายคนสงสัย และเพิ่งมาค้นพบเจอเมื่อปี 1883 โดย Philotheos Bryennios จาก Jerusalem Codex ซึ่งเป็นฉบับคัดลอกที่เขียนขึ้นเมื่อปี 1053
เชื่อกันว่า Didache นี้เขียนขึ้นประมาณปี 49-79 คือ เป็นยุคที่เขียนพระธรรมกิจการและพระธรรมมัทธิว มาระโก เลยทีเดียว แต่ก็มีผู้รู้บางท่านก็ว่าอาจเขียนขึ้นหลังจากนั้น เช่น อาจประมาณปี 100-120
ผมได้อะไรจากการอ่าน Didache เยอะเลยครับ อาจตอบคำภามที่หลายท่านสงสัย ตัวอย่างเช่น
1. การรับบัพติสมาเข้าในพระนามของพระบิดา พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้ทำในแหล่งน้ำที่ไหลตามธรรมชาติ เช่น ทะเล แม่น้ำ ลำธาร (natural flowing water) แต่ถ้าไม่มีหาไม่ได้ ก็ให้ใช้แหล่งน้ำอื่นๆ เช่น จากสระ จากบ่อน้ำพุ ถ้าไม่มีนำเย็น ก็ใช้น้ำอุ่น และ ถ้าไม่มีแหล่งน้ำให้จุ่มได้มิดตัว ก็ให้ใช้วิธีเทน้ำราดบนศีรษะ 3 ครั้ง ในพระนามของพระบิดา พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ (7:1-3)
2. เกี่ยวกับพืธีศีลมหาสนิท ห้ามคนที่ยังไม่ได้ประกาศความเชื่อโดยการรับบัพติสมารับประทานหรือดื่มในพิธี (9:9) (สมัยแรก นั้นพอรับเชื่อก็จะให้บัพติสมาในน้ำกันเลย ไม่มีการเว้นช่วงเพื่อศึกษาพระวจนะหรือเตรียมพร้อมแบบที่เราทำกันทุกวันนี้)
3. การมาร่วมกันประชุมนมัสการพระเจ้า มีการรับประทานอาหาร การขอบพระคุณ ก่อนอื่นใดให้สารภาพบาปของเราก่อนเพื่อการอุทิศถวายจะได้บริสุทธิ์ แต่อย่าให้ผู้ใดก็ตามที่ยังโต้แย้งทุ่มเถียงกับพี่น้องมาด้วยจนกว่าเขาจะคืนดีกันเพื่อการอุทิศถวายจะได้ไม่มีมลทิน (14:1-3)
4. ยังมีอีกเยอะครับ ลองอ่านดู เช่น ข้อที่ 8:1 ในนั้นอธิบายว่าสาวกรุ่นแรกนั้นใช้ "วันพุธ" และ "วันศุกร์" ในการอธิษฐานอดอาหาร (วันพุธคือวันที่พระเยซูโดนทรยศ วันศุกร์คือวันที่พระเยซูคริสต์ถูกตรึง) ซึ่งน่าจะเป็นหลักฐานที่ดีว่าคริสเตียนได้เปลี่ยนและถือวันอย่างไรแตกต่างจากเดิม (เป็นหลักฐานข้อพิสูจน์จากข้อเขียนยุคแรก)
5. อีกเรื่องที่สำคัญ ให้สังเกตุตอนนี้
“1 NOW l on the Lord’s Lord’s-day, 2 when ye are assembled together break bread, and 3 give thanks, 4 after confessing your transgressions, 5 in order that your sacrifice may be pure = และเดี๋ยวนี้ในวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นวันที่พวกท่านมาชุมนุมกันหักขนมปังและขอบพระคุณพระเจ้า หลังจากที่ท่านสารภาพการล่วงละเมิดของท่าน เพื่อที่การอุทิศถวายตัวของพวกท่านจะบริสุทธิ์” (14:1-5)
ข้อนี้จึงอาจจะเป็นหลักฐานในยุคแรกว่าเหล่าอัครทูตได้ย้ายวันนมัสการจากวันสะบาโต (วันเสาร์) มาเป็นวันอาทิตย์ (Lord's day)
6. เป็นหนังสือที่กระชับ อ่านง่าย เข้มข้น สอดคล้องกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่เราอ่านกัน ช่วยเราเข้าใจพระคัมภีร์ใหม่และแนวทางปฏิบัติในยุคนั้นได้ดีขึ้น ฝากไว้อ่านด้วยครับ
ใน internet มีให้ download ฟรีๆหลาย version ลองค้นดู ภาษาไทยก็มีแปลโดยกลุ่ม Catholic ใครมีลองหามาลงได้ http://www.tracts.ukgo.com/didache.pdf