ทุกคนคงคุ้นเคยกับคำว่า "ดี" ...เป็นคำทั่วไปที่เราใช้กันมาก เช่น อากาศดี อาหารดี ทำงานดี ...ผู้ใหญ่มักจะพูดกับเด็กว่า "เป็นเด็กดีนะ"
ในพระคัมภีร์ก็พูดถึงคำว่า "ดี" หรือ "ความดี" มากมาย และสิ่งที่ทุกคนพูดกันบ่อย และสำคัญมากที่สุดคือ "ชีวิตที่ดี" หรือ "อยู่ดีมีสุข"
ชีวิตที่ดีคืออะไร ???
... สำหรับบาง คน ชีวิตที่ดี หมายถึง "การดูดี" เช่น การเปลี่ยนสีผิว คนดำอยากขาว คนขาวอยากดำ การทำทรงผม ดูดไขมัน เครื่องประดับ เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ไม่ว่าเสียเงินมากเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อให้ตนเองดูดี ... แต่สิ่งเหล่านี้มี ปัญหา คือ สิ่งที่ดูดีสำหรับผม อาจไม่ดีสำหรับบางคน...และสิ่งที่ดูดีสำหรับบางคน อาจจะไม่ดูดีสำหรับผมก็ได้ ดังนั้นการดูดีสำหรับแต่ละคนจึงมีความหมายต่างกัน
... สำหรับบาง คน ชีวิตที่ดี หมายถึง "การดูดี" เช่น การเปลี่ยนสีผิว คนดำอยากขาว คนขาวอยากดำ การทำทรงผม ดูดไขมัน เครื่องประดับ เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ไม่ว่าเสียเงินมากเท่าไหร่ก็ยอมเพื่อให้ตนเองดูดี ... แต่สิ่งเหล่านี้มี ปัญหา คือ สิ่งที่ดูดีสำหรับผม อาจไม่ดีสำหรับบางคน...และสิ่งที่ดูดีสำหรับบางคน อาจจะไม่ดูดีสำหรับผมก็ได้ ดังนั้นการดูดีสำหรับแต่ละคนจึงมีความหมายต่างกัน
บางคน คิดว่า "ชีวิตที่ดี" หมายถึง "การรู้สึกดีๆ" พวกเขายอมลงทุนเท่าไหร่ก็ได้เพื่อให้รู้สึกดี เช่น ไปนั่งอาบน้ำแร่ ดูหนัง ร้องเพลง ไปเที่ยวสวนสนุก หรือกินยา ฯลฯ มาตรฐานการมีชีวิตอยู่ของพวกเขาคือ "ถ้ารู้สึกดี ก็ทำเลย"
บางคนคิดว่าการมีชีวิตที่ดีหมายถึง มีสิ่งของเยอะ ๆ จึงตั้งหน้าตั้งตากอบโกยเพื่อให้ได้มา สำหรับคนเหล่านี้ เป้าหมายทั้งหมดของชีวิตคือ เพื่อหาเงินและผลาญมันไปกับการซื้อข้าวของ
แต่ในพระคัมภีร์ให้ภาพชีวิตที่ดีอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างจากที่กล่าวมาอย่าง สิ้นเชิง พระคัมภีร์กล่าวว่า ชีวิตที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาดี หรือความรู้สึกดี หรือมีสิ่งของมากมาย แต่ชีวิตที่ดีคือชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณงามความดีต่างหาก...ถ้าเราทำสิ่งที่ ดี ๆ ...เราย่อมรู้สึกดี และดูดีขึ้นด้วย
ปฐก.1 พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง แล้วก็ตรัสว่า "ดี" เพราะอะไร ??? ก็เพราะว่ามันเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า...ดังนั้น "ความดี" หมายถึง เป็นไปตามพระประสงค์ เป็นอย่างที่พระเจ้าตั้งใจให้เราเป็น
พระเจ้าสร้างเรามาเพื่อประสงค์ของพระองค์
...เอเฟซัส 2:10 เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อ ให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม...เราไม่ได้รอดเพราะการทำดีของเรา แต่รอดเพื่อทำความดี วิถีชีวิตแบบคริสเตียนเป็นวิถีชีวิตแห่งคุณงามความดี ...แต่ทำไมจึงควรเป็นคนดี แล้วเราจะได้อะไรจากถิวีชีวิตที่ดีงามนี้ ?
เราไม่ได้ดีเองตามธรรมชาติ
แต่ปัญหามีอยู่ว่า เราไม่ได้ดีเองตามธรรมชาติ...เราทุกคนเกิดมามีแนวโน้มที่เห็นแก่ตัวตามธรรมชาติ
1. อิสยาห์ 53:5-6 ทุกคนทำตามใจตนเอง และอยากเป็นพระเจ้าเสียเอง ไม่มีใครสมบูรณ์เลยสักคน มีแต่พระเจ้าเท่านั้น ส่วนพวกเราทุกคนล้วนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
2. เรารู้ว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นคนดีตั้งแต่เกิด ทุกยุคทุกสมัยมีเรื่องราวความโหดร้ายของมนุษย์ แม้แต่ยุคปัจจุบันเป็นรุ่นที่มีการศึกษามากที่สุด มีวิทยาการล้ำเลิศที่สุด แต่มนุษย์ก็ยังมีสงคราม การก่อการร้าย ความรุนแรง ความลำเอียง เพราะต้นตอความบาปยังอยู่ในตัวของเรา
3. คนที่เป็นพ่อแม่จะรู้ดีครับ ... พ่อแม่ไม่ีเคยสอนลูกให้โกหก แต่มันมาเองตามธรรมชาติ เห็นแก่ตัวโดยธรรมชาติ ...มนุษย์เรามีแนวโน้มจะทำผิดอยู่ภายในแล้ว
4. เราสามารถรับรู้ได้ในใจตนเองว่า มีหลายสิ่งที่ไม่ดี แต่เราก็ยังตั้งใจทำ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่ดี ...และถึงแม้ว่า เราอยากทำดี เรายังต้องต่อสู้กับจิตใจของเราเองในการลงมือทำจริง ๆ
เราเคยต่อสู้เพื่อจะทำความดีไหม โดยที่ในใจของเรากำลังดึงกัน ดีและชั่วเล่นชักเย่อกัน การเปลี่ยนธรรมชาติภายในของเราต้องใช้พลังมากกว่าความตั้งใจ ไม่ใช่แค่ดีดนิ้วแล้ว เราก็กลายเป็นคนดีได้เลย
ท่านเปาโลเองก็พบว่าชีวิตของตนเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเราทุกคนก็เป็นด้วยหรือเปล่า ?
โรม 7:15 ข้าพเจ้าไม่เข้าใจการกระทำของข้าพเจ้าเอง เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ทำสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะทำ แต่กลับทำสิ่งที่ข้าพเจ้าเกลียดชังนั้น ...เปาโลบอกว่า ไม่ว่าเขาหันไปทางไหน ก็บังคับตนเองให้ทำสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ เขาอยากทำแต่ก็ทำไม่ได้ เมื่ออยากทำดี ก็ไม่ได้ทำ เมื่อพยายามไม่ทำผิด แต่ก็ยังทำผิด
บางทีเราอาจกล่าวว่า ...ถึงแม้ฉันไม่ใช่คนดี 100% แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนนั้นคนนี้...แต่พระเจ้าไม่ได้วัดเราที่คะแนนความ ดี พระองค์ไม่ได้ตัดสินเราว่าเราดีกว่าคนอื่นยังไง แต่พระเยซูเท่านั้นที่เป็นมาตรฐานการวัด และพระองค์เป็นคนสมบูรณ์แบบ ดังนั้น เมื่อเราเทียบกับพระคริสต์ เราเทียบไม่ติดเลย เราทุกคนไปไม่ถึงมาตรฐานนั้น...เมื่อเราประเมินตนเองโดยเอาพระเยซูเป็น มาตรฐาน เราก็จะรู้ความจริงว่า ไม่มีใครดีเพียบพร้อม
ความดีของเราเป็นของขวัญจากพระเจ้า
พระเจ้าไม่ได้ช่วยเราให้รอดเพราะความดีของเรา แต่เป็นเพราะพระเมตตากรุณาของพระองค์เอง โดยการไถ่ของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจึงประกาศว่าเราเป็นคนชอบธรรม หรือเป็นคนดีนั่นเอง ...ดังนั้น ความดีเป็นของขวัญจากพระเจ้า เราไม่สามารถทำงานอะไรเพื่อแลกมันมา แล้วที่จริง เราก็ไม่สมควรได้รับด้วย
พระคัมภีร์เรียกพระราชกิจของพระ คริสต์นี้ว่า "การทำให้ชอบธรรม" หมายความว่า เราถูกชำระให้เป็นคนดีแล้ว เพราะพระเยซูเป็นผู้ทำให้เรา เมื่อเราวางใจในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าให้ธรรมชาติใหม่แก่เรา (เป็นการเริ่มต้นใหม่ หรือ "บังเกิดใหม่") และพระองค์ทรงให้ความปรารถนาและกำลังที่เราจะทำดี
โดยพระคุณและฤทธิ์ เดชของพระเจ้า เราถูกสร้างใหม่ให้เป็นคนดี พระเจ้าทำงานจากภายในใจออกสู่ภายนอก ไม่ใช่จากข้างนอกเข้าข้างใน ... แล้ว
คริสเตียนจะไม่ทำบาปใช่ไหม...ไม่ใช่แน่นอน...เราทุกคนทำผิดด้วยกันทั้ง สิ้น บาปทั้งสิ้น...แต่ตอนนี้เราเป็นคริสเตียนแล้ว มีพลังใหม่และความปรารถนาใหม่ที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง พระเจ้าแก้ปัญหาธรรมชาติเก่าของเราแล้วให้ธรรมชาติใหม่ที่เหมือนพระคริสต์ แก่เรา
หัดทำดี
พระเจ้าเปลี่ยนธรรมชาติของ เราแล้ว ตอนนี้เราจำเป็นต้องร่วมมือกับพระองค์ ทิตัส 3:4 บอกว่า เราต้องหัดทำดีต่อไป ต่อไปนี้เป็นวิธีง่าย ๆ ให้หัดทำดี
1.เชี่ยวชาญพระคำ เรา ต้องศึกษา อ่านพระคัมภีร์ และท่องจำให้มากพอ ให้ชีวิตเต็มไปด้วยถ้อยคำของพระเจ้า...เรามีแหล่งที่จะเลือกสร้างค่านิยมของ เราได้เพียง 2 แหล่งเท่านั้น คือ จากโลกนี้ หรือจากพระคำของพระเจ้า และการตัดสินใจขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
"พระคัมภีร์จะช่วยให้เราห่างไกล จากบาป...หรือ...บาปจะทำให้เราห่างไกลจากพระคัมภีร์" … 2 ทธ.3:16 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง...
...ฉะนั้น ให้เชี่ยวชาญพระคำเข้าไว้ ถ้าเราอยากทำดี ต้องเติมชีวิตให้เต็มด้วยพระคำ
การ เป็นเจ้าของพระคัมภีร์นั้นยังไม่พอ เราต้องใช้งานด้วย ไม่ใช่เอาไว้บนหิ้ง มีแต่ฝุ่นหรือหยากไย่เกาะเต็ม...บางครั้งเราอาจสัตย์ซื่อต่อข่าวมากกว่า สัตย์ซื่อจ่อพระคำของพระเจ้า...บางทีเราสามารถอ่านนิตยสารหรือนิยายได้เป็น วัน ๆ โดยไม่ขาดตอน...แต่เราไม่อ่านพระคัมภีร์เลย ทั้ง ๆ ที่พระคัมภีร์นี่แหละคือสิ่งที่สอนความจริงแก่เราว่าอะไรถูกอะไรผิด
เวลาเห็นคนถือพระคัมภีร์ขาดรุ่งริ่ง เรามักพบว่าชีวิตเจ้าของพระคัมภีร์นั้นไม่ได้รุ่งริ่งตามพระคัมภีร์...จงเชี่ยวชาญพระคำเข้าไว้
2.รักษาความคิดจิตใจ ถ้าอยากทำดี ต้องหัดควบคุมความคิดของเรา นี่จำเป็นมาก เพราะ "เราคิดอะไรในใจ เราก็เป็นอย่างนั้น" ...สุภาษิต 4:23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ ... บาปมักเริ่มก่อตัวขึ้นในความคิดเสมอ ซาตานใส่ความคิดต่าง ๆ ที่เรียกว่าการล่อใจ ล่อลวงในหัวของคุณ ถ้าเราฟูมฟักสิ่งล่อลวงเหล่านี้ไว้ในใจมันจะเผยโฉมออกมาให้เห็นในชีวิตของ เรา บาปเริ่มจากความคิดก่อนเสมอ ดังนั้นต้องรักษาความคิดจิตให้ดี
เมื่อ เราได้รับข้อมูลต่าง ๆ สารพัด จากทีวี อินเตอร์เน็ต เราก็มีทางเลือกได้ว่า เราจะรับข้อมูลอันไหน เราจึงต้องคิดแยกแยะอยู่เสมอ (ฟีลิปปี 4:8) ว่าสิ่งใดที่เป็นความจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู...ระวังข้อมูลที่เป็นพิษที่เข้ามาในความคิดของเรา
3.ยึดมั่นในความดี
ถ้าเราอยากทำดี เราต้องยึดมั่นยืนหยัดในความจริงและความดี เราต้องรู้ว่า
คริสเตียนต้องเกลียดชังบางอย่าง โรม 12:9 "จงรักด้วยใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี" ... เราต้องตระหนักว่า ความดีหมายถึงการยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้องและต่อต้านสิ่งที่ผิด...พระเยซู เกลียดชังบาป แต่รักคนบาป...แต่มนุษย์มักทำตรงกันข้าม ...เรากลับเกลียดคนบาป แต่รักความบาป ...เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า เมื่อเรายึดมั่นในความจริงตามแบบของพระคริสต์ เราอาจจะไม่มีใครมาชอบเรา บางคนอาจจะเรียกเราว่า พวกบ้าคลั่ง บ้าศาสนา ... เมื่อเกิดแบบนี้ขึ้น ให้เรายึดมั่นไว้ 1 ปต.2:19-20 "การทนทุกข์เพราะทำดีย่อมดีกว่าทนทุกข์เพราะทำชั่ว" ...พระเยซูก็เตือนเราเหมือนกันว่า ยิ่งเราเป็นพวกเดียวกับพระเยซูมากขึ้น โลกรอบข้างเราก็เป็นศัตรูกับเรามากขึ้น
ถ้าเรายืนหยัดตามทางของพระ เยซู เรามั่นใจได้เลยว่าจะพบการต่อต้าน...2 ทิโมธี 3:3 "ในยุคสุดท้ายจะมีคนเกลียดชังความดี" ...แม้พระเยซูดำเนินชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่พระองค์ยังถูกคนรังเกียจ เยาะเย้ย เข้าใจผิด สุดท้ายก็ถูกประหารบนกางเขน
4.กล้าหาญที่จะแตกต่าง
สิ่งที่น่ากลัวคือการกดดันจาก สังคม ที่กดดันให้เราทำตาม ไหลไปตามกระแส เราอาจยอมคล้อยตามเพื่อจะเข้ากับคนอื่นได้...ใคร ๆ ก็อยากให้เราทำตัวเหมือนชาวบ้าน "พูดเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม" พูดจาเหมือนคนอื่น ๆ ...แต่งตัวเหมือนคนอื่น ๆ แต่เราก็ต้องระวัง เพราะทุกสิ่งมีทั้งดีและไม่มี ...
3 ยอห์น 11 "อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่วร้าย แต่ให้เลียนแบบสิ่งที่ดี”
เพื่อนของดาเนียล 3 คนไม่ยอมก้มกราบรูปปั้นเทพเจ้าของกษัตริย์บาบิโลน จึงถูกโยนเข้าไปในเตาไฟ เพราะพระเจ้าทรงช่วยพวกเขาไว้
5.พบปะกับผู้เชื่อคนอื่น ๆ
ถ้าเราอยากดำเนินชีวิตที่ดี เราต้องพบปะกับผู้เชื่อคนอื่น ๆ เป็นประจำ หนุนใจกันและสนับสนุนกันในชีวิตคริสเตียน ...ฮีบรู 10:24-25 "ให้เราพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร จึงจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มีความรักและทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น"
การพบปะพูดคุยและใช้เวลากับผู้เชื่อคนอื่นๆ ก็เพื่อหนุนใจเราให้ดำเนินชีวิตดี ๆ ในโลกอันชั่วร้าย ในฐานะคริสเตียน เราต้องไม่เลียนแบบโลกนี้ แต่เราก็ไม่ดำเนินชีวิตแปลกแยกกับโลกเช่นกัน คือ เราต้องมีชีวิตอยู่ในโลก โดยไม่เป็นของโลก...พระเยซูอธิษฐานเผื่อสาวก ...ในยอห์น 17:14-15 "ข้าพระองค์ได้มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่เขาแล้ว และโลกนี้ได้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนดังที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย"
ทหารจะไม่ออกไปรบคนเดียวหรือตำรวจจะออกไปจับผู้ร้ายคนเดียว ต้องมีทีม มีกอง หมู่ หมวด พวกเขารู้ดีว่าต้องการกันและกัน...คริสเตียนนั้นอยู่ในการต่อสู้ของสงคราม ฝ่ายวิญญาณ...ดังนั้นคริสเตียนก็ต้องการกันและกัน เหล่าคริสเตียนชอบมารวมกันที่โบสถ์ เพื่อบำรุงจิตวิญญาณ ปรับแต่งเครื่อง และเตรียมพร้อมออกไปสู่สงครามฝ่ายวิญญาณ
สรุป...
ชีวิตคริสเตียนไม่ง่าย แต่คุ้มค่าชั่วนิรันดร์ และการทำดีก็ไม่ง่ายเสมอไป แต่มีรางวัลรออยู่ ...กาลาเทีย 6:9 "อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร" ... เราจะต่อสู้กับความเมื่อยล้ายังไง จะดำเนินต่อไปอย่างไร ก็โดยการเชี่ยวชาญพระคำ ปกป้องความคิดจิตใจ ยึดมั่นในความดี กล้าที่จะแตกต่าง และโดยการพบปะกับพี่น้องคริสเตียน เพื่อจะสนับสนุนและให้กำลังใจกัน...ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติ โดยการดำเนินชีวิตของเราทุกคน
………………..