ชีวประวัติของพระเยซูคริสต์เชื่อถือได้ไหม ?


สัมภาษณ์โดย: ลี สตรอเบล
http://www.leestrobel.com/ - http://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Strobel

ผู้ให้ข้อมูล: ดร.เครก แอล. บลอมเบอร์ก, Ph.D
http://www.theopedia.com/Craig_Blomberg



พยานผู้เห็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์

พระกิตติคุณทั้ง 4 เล่ม เขียนขึ้นโดย มัทธิว มาระ โก ลูกา ยอห์น จริงหรือไม่ ?
--- จริง ... เพราะว่า คริสตจักรสมัยแรกต่างยอมรับว่า
มัทธิว หรือ เลวี คนเก็บภาษี เป็นหนึ่งในสาวกสิบสองคน เป็นผู้เขียนพระกิตติคุณเล่มแรก
จอห์น มาร์ก (ยอห์น มาระโก) ผู้ช่วยของเปโตร คือ ผู้เขียนพระกิตติคุณมาระโก
ลูกา ผู้ที่เปาโลเรียกว่า "นายแพทย์ที่รัก" เขียนทั้งพระกิตติคุณลูกา และหนังสือกิจการ

มีข้อพิสูจน์สอดคล้องกันเพียงใด จนทำให้เราเชื่อได้เช่นนั้น ?
--- เพราะว่าไม่มีข้ออ้างอย่างอื่นเกี่ยวกับผู้เขียนพระกิตติคุณทั้ง 3 เล่ม (มัทธิว มาระโก ลูกา) และไม่มีข้อโต้แย้งเลย

เป็นไปได้ไหมที่ใครบางคนอยากจะโกหก โดยอ้างชื่อคนเหล่านี้เป็นผู้เขียน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ ?
--- คงจะไม่มี อย่าลืมว่า พวกเขาไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงเลย...ทั้งมาระโก และลูกา ไม่ได้เป็นแม้แต่กระทั่งสาวกในสิบสองคน มัทธิวเป็นหนึ่งในสิบสอง แต่เขาเคยเป็นคนเก็บภาษีที่ทุกคนเกลียดชัง เขาคงเป็นคนไร้ชื่อเสียงเป็นที่สองรองจากยูดาสอิสคาริโอทผู้ทียศพระเยซูก็ ว่าได้
ยิ่ง กว่านั้น ในทางตรงกันข้าม เมื่อมีการเขียนพระกิตติคุณฉบับลอกเลียนแบบ (ของปลอม) ในเวลาต่อมา มีการอ้างชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นผู้เขียน คือ ฟีลิป เปโตร มารีย์ และยากอบ ชื่อเหล่านี้มีน้ำหนักมากกว่า มัทธิว มาระโก และลูกา ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดเลยในการอ้างอิงชื่อของ มัทธิว มาระโก และลูกา ซึ่งมีความสำคัญน้อยเป็นผู้เขียน ถ้าหากว่าไม่เป็นความจริง

แล้วยอห์นล่ะ ?
--- ยอห์นเป็นพระกิตติคุณเล่มเดียว ที่มีปัญหาเรื่องผู้เขียน ... ชื่อผู้เขียนคือ ยอห์น อย่างแน่นอน ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือ ยอห์นผู้เป็นสาวก หรือ ยอห์นคนอื่น
มี คำพยานของนักเขียนคริสเตียนชื่อ ปาปิอัส ราว ค.ศ. 125 ได้กล่าวถึง ยอห์นผู้เป็นสาวก และยอห์นซึ่งเป็นผู้ปกครอง และจากเนื้อหาที่เขาเขียนนั้นไม่มีรายละเอียดชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม คริสตจักรสมัยแรกทั้งหมดต่างมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ยอห์น อัครทูต บุตรเศเบดี เป็นผู้เขียน
... ถ้าคุณอ่านพระกิตติคุณเล่มนี้อย่างละเอียดจะพบข้อบ่งชี้ว่า มีผู้เรียบเรียงบทสรุปในตอนท้าย โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่มีปัญหาที่จะเชื่อว่า มีผู้ใกล้ชิดกับยอห์นทำหน้าที่ดังกล่าว โดยเขียนสรุปซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาทั้งหมด
... แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดว่าพระกิตติคุณยอห์น เขียนขึ้นโดยพยานผู้เห็นเหตุการณ์เหมือนกับพระกิตติคุณอีกสามเล่ม


ค้นหาข้อเจาะจง
มีข้อพิสูจน์เจาะจงอย่างไรว่า มัทธิว มาระโก ลูกา ยอห์น เป็นผู้เขียนพระกิตติคุณตัวจริง ?
--- ข้อพิสูจน์เก่าแก่ที่สุด มาจากปาปิอัส (ค.ศ.125) ได้ยินยันเจาะจงว่า มาระโก เป็นผู้บันทึกสิ่งที่เปโตรเห็น ความจริงเขากล่าวว่า "มาระโกไม่มีข้อผิดพลา่ดเลย" และไม่มีข้อ "บิดเบือน" และปาปิอัสบอกอีกว่า มัทธิวได้บันทึกคำสอนของพระเยซูด้วยเหมือนกัน
... ไอเรเนียส ที่เราพบข้อเขียนของเขาประมาณ ค.ศ.180 ก็ยืนยันเหมือนกัน ไอเรเนียสยืนยันว่า
"มัท ธิวประกาศพระกิตติคุณท่ามกลางคนฮีบรูด้วยภาษาของเขาเอง ขณะที่เปาโลและเปโตรเทศนาอยู่ที่กรุงโรมและสร้างคริสตจักรขึ้นที่นั่น หลังจากพวกเขาออกเดินทางไปแล้ว มาระโกผู้เป็นสาวกและล่ามของเปโตร ได้มอบข้อเขียนซึ่งเป็นคำเทศนาของเปโตรให้แก่เรา ... ลูกา ผู้ติดตามเปาโล ได้เขียนพระกิตติคุณขึ้นอีกเล่มหนึ่งตามคำเทศนาของผู้เป็นครู ... แล้วยอห์นสาวกขององค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่เอนกายที่พระทรวงของพระเยซู ก็ได้เขียนพระกิตติคุณของเขาเองขณะอาศัยอยู่ที่เมืองเอเฟซัสในเอเชีย


ชีวประวัติแบบโบราณและสมัยใหม่

โดย ปกติ การเขียนชีวประวัติบุคคล ผู้เขียนจะค้นคว้าประวัติของบุคคลนั้นอย่างถี่ถ้วน แต่ทำไม มาระโกไม่ได้กล่าวถึงชีวิตช่วงแรกของพระเยซู แต่เน้นสามปีสุดท้ายและสัปดาห์สุดท้าย ?
--- 1. นั่นเป็นวิธีการเขียนชีวประัวัติบุคคลในสมัยโบราณ เขาไม่คิดอย่างที่เราทำทุกวันนี้ คือ ต้องให้ความสำคัญของแต่ละช่วงชีวิืตเท่า ๆ กัน หรือต้องเล่าเหตุการณ์ตามลำดับ
... จุดประสงค์เดียวที่พวกเขาคิดว่าสมควรบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ เพราะมีบทเรียนที่น่าเรียนรู้จากบุคคลที่ถูกกล่าวถึง ดังนั้นผู้เขียนจึงเน้นความสำคัญต่อชีวิตในส่วนนั้น ส่วนที่น่าเอาแบบอย่าง มีความชัดเจน ช่วยผู้คนได้ และมีความหมายต่อช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์
--- 2. คริสเตียนเชื่อว่า แม้ชีวิต คำสอนและการอัศจรรย์ของพระเยซูจะแสนวิเศษ แต่ก็ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง ถ้าเรื่องนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่าพระเยซูได้สิ้นพระ ชนม์ และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายเพื่อไถ่บาปและยกโทษบาปของมนุษยชาติ
...ดัง นั้น มาระโก ซึ่งคงเป็นผู้เขียนพระกิตติคุณเล่มแรกจึงใช้เนื้อที่มากกว่าครึ่งหนึ่งเน้น เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นำสู่สัปดาห์สุดท้าย จนถึงการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูคริสต์ โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเรื่องการตรึงกางเขน สิ่งนี้สร้างประสาทสัมผัสสมบูรณ์แบบในวรรณกรรมโบราณ


ความลึกลับของ Q

นอกจากพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มแล้ว นักวิชาการยังกล่าวถึงบันทึกที่พวกเขาเรียกว่า Q ซึ่งเป็นคำย่อจากภาษาเยอรมัน คือ Quelle หรือ "Source" แปลว่า "แหล่งที่มา" เพราะความคล้ายคลึงกันของบริบทและภาษา จึงมีสมมุติฐานที่เชื่อกันต่อมาว่า มัทธิว และลูกา ต่างใช้ข้อเขียนของมาระโกเป็นฐานในการเขียนพระกิตติคุณของตน ยิ่งกว่านั้น นักวิชาการยังเชื่อว่า ทั้งมัทธิวและลูกาต่างก็ใช้ข้อเขียนจาก Q อันลึกลับนี้ แต่ไม่ปรากฎในมาระโก
จริง ๆ แล้ว Q คืออะไร ?
--- ไม่มีอะไรมาก นอกจากเป็นสมมุติฐาน...นอกจากข้อยกเว้นสองสามอย่างแล้ว ก็เป็นบันทึกคำตรัสหรือคำสอนของพระเยซู ซึ่งครั้งหนึ่งคงถูกรวบรวมแยกไว้ต่างหาก
...จะเห็นว่า นั่นเป็นรูปแบบวรรณกรรมธรรมดาในการรวบรวมคำสอนของครูที่น่านับถือเข้าไว้ด้วยกัน เป็นเหมือนเราแยกบรรดาเพลงโปรดของนักร้องแต่ละคนมารวมเป็นอัลบั้ม "ยอดนิยม" ต่างหาก...และ Q ก็คงเป็นเช่นนั้น อย่างน้อยนี่ก็เป็นทฤษฎีหนึ่ง" ... แต่ถ้า Q มีอยู่ก่อนมัทธิว และ ลูกา ก็แสดงว่ามีบันทึกเรื่องพระเยซูตั้งแต่แรกเริ่ม ผมคิดว่า บางทีข้อเขียนเหล่านั้นอาจให้ภาพชัดเจนว่าพระเยซูเป็นอย่างไรแน่

ถ้าแยกแยะข้อมูลจาก Q เราจะได้ภาพพระเยซูอย่างไร ?
--- คุณต้องระลึกไว้ว่า Q เป็นบทรวบรวมคำพูด ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องเล่าหรือเหตุการณ์ที่สามารถให้ภาพพระเยซูในมุมกว้างได้...แต่กระนั้นก็ตาม คุณจะพบว่าพระเยซูได้ประกาศอย่างห้าวหาญ เช่น ทรงดำเนินชีวิตอย่างคนมีปัญญา หรือโดยพระองค์นั้น พระเจ้าจะพิพากษามนุษยชาติ ไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับหรือปฏิเสธก็ตาม...มีหนังสือบางเล่มได้แย้งว่า ถ้าแยกคำพูดของพระเยซูใน Q ทั้งหมด เราก็จะยังได้ภาพของพระเยซูแบบเดียวกัน คือ ผู้ประกาศถึงตนเองอย่างกล้าหาญเหมือนอย่างที่ได้พบในพระกิตติคุณโดยทั่วไป"
ถ้าเราคัดเอาเฉพาะคำพูดของพระเยซู จะแสดงให้เห็นภาพว่าพระองค์เป็นผู้ทำการอัศจรรย์ไหม ?
--- คุณคงไม่เห็นภาพการอัศจรรย์มากเป็นพิเศษ เพราะภาพการอัศจรรย์จะพบได้จากการเล่าเรื่อง แต่ Q เป็นบทรวบรวมคำพูด
ตัวอย่างเช่น...ลูกา 7:18-23 และ มัทธิว 11:2-6 กล่าวว่า ยอห์น ผู้ให้บัพติสมาส่งคนไปถามพระเยซูว่าทรงเป็นพระคริสต์ ผู้ที่พวกเขารอคอยอยู่ และพระเยซูทรงตอบเขาด้วยคำสำคัญว่า "จงไปแจ้งแก่ยอห์น ตามที่ท่านได้เห็นและยิน คือว่า คนตาบอดมองเห็นได้ คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา"
...ดังนั้น แม้แต่ใน Q ก็มีข้ออ้างถึงการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์เหมือนกัน


ถ้าเช่นนั้น ทำไมมัทธิวซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ จึงเขียนพระกิตติคุณโดยอาศัยข้อเขียนของมาระโก ซึ่งไม่ใช่ผู้เห็นเหตุการณ์ ?
--- เพราะ มาระโกทำการบันทึกโดยการรวบรวมเรื่องราวจากเปโตร พยานผู้เห็นเหตุการณ์ ... เปโตรเป็นสาวกที่ใกล้ชิดพระเยซูมากกว่ามัทธิว ...แน่นอนเขาจึงได้เห็น ได้ยินสิ่งที่สาวกคนอื่นไม่ได้เห็นหรือได้ยิน จึงเป็นไปได้ ที่แม้ว่ามัทธิวเองเป็นพยานผู้เห็นเหตุการณ์ แต่ยังอาศัยข้อมูลของเปโตร ซึ่งถ่ายทอดผ่านทางมาระโก


โปรดติดตามตอนต่อไป...