กาลาเทีย 5:22-23 “ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” คุณสมบัติเก้าอย่างนี้อธิบายถึงลักษณะคริสเตียนที่เกิดผล ... แล้วเราจะมีคุณสมบัตินิสัยเหล่านี้ได้อย่างไร ? เห็นได้ชัดว่า ไม่ใช่แค่พระเจ้าเติมพลังให้ผมแค่วันเดียว แล้วจู่ ๆ คุณสมบัติเหล่านี้ก็งอกขึ้นมาภายใน 1 นาที ตรงกันข้าม พระองค์ใช้กระบวนการของพระองค์ วิธีการของพระองค์เพื่อให้เราเติบโต ... ท่านเปาโลได้สอนพวกเราถึงกระบวนการการเปลี่ยนแปลงและเติบโตฝ่ายวิญญาณ
ฟีลิปปี 2:12-13 เหตุฉะนี้ พวกที่รักของข้าพเจ้า เมื่อท่านเชื่อฟังทุกเวลาฉันใด ท่านทั้งหลายจงอุตส่าห์ประพฤติ เพื่อให้ได้ความรอด ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่นฉันนั้น มิใช่เฉพาะเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับท่านเท่านั้น แต่จงยิ่งประพฤติให้มากขึ้น ในเมื่อข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์
ฟังแล้วดูเหมือนจะขัดแย้งกัน เพราะในพระคัมภีร์สอนว่า “เราได้รับความรอดเนื่องจากพระคุณและความเชื่อ ไม่ใช่การทำงานหนัก”
ฉบับ 2002 --- ท่านจงประพฤติจนบรรลุถึงความเติบโต [ ภาษากรีกแปลว่า จนบรรลุถึงความรอด ]
ESV 2001 --- Work out your own salvation. (ออกกำลังกาย , ฝึกฝนร่างกาย)
NLT 2004 --- Work hard to show the results of your salvation.
ดังนั้น พระคัมภีร์ในข้อนี้ หมายถึง “การฝึกฝน” หรือ “การออกกำลังกายฝ่ายวิญญาณ” นั่นเอง
ในการออกกำลังกาย เราพัฒนา เพาะกล้ามเนื้อ ให้ร่างกายแข็งแรง ... การฝึกฝนหมายถึง การเพาะ พัฒนา การใช้ประโยชน์สูงสุดจากสิ่งที่ได้รับมา ... นี่แหละ ที่ท่านเปาโลพูดถึงในที่นี้ คือให้พัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา
พระเจ้ามีส่วนต่อการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณของเรา และตัวเราเองก็มีส่วนด้วย พระองค์ให้พลัง แต่เราต้องเปิดสวิทช์ จงฝึกฝนความรอดของเรา เพราะพระเจ้าเป็นผู้ทำงานในเรา
เครื่องมือที่พระเจ้าใช้
1. พระวจนะของพระองค์ - พระองค์ทรงสอนวิธีดำเนินชีวิตแก่เราผ่านถ้อยคำของพระองค์
(2 ทิโมธี 3:16-17 พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิด และการอบรมในความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง)
พระคัมภีร์ได้เปลี่ยนชีวิตเราไหม...พระวจนะของพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนมากมายทั่วโลก
ถ้าเราอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองจริง ๆ เราก็ต้องอ่านพระคัมภีร์ เราต้องอ่าน ศึกษา ใคร่ครวญ และนำมาใช้
ผมเคยได้ยินหลายคนบ่นกับผมว่า ความเชื่อของพวกเขาไม่เข้มแข็ง ฉันยังไม่พร้อม ฉันยังไม่ดีพอ ชีวิตของฉันไม่เลี่ยนแปลง ...ฯลฯ
ผมจะถามว่า “คุณอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำหรือเปล่าล่ะ?”..."ไม่เลย"..."แล้วศึกษาพระคัมภีร์บ้างไหมล่ะ”...."ก็ไม่ได้ทำ"..."แล้วท่องข้อพระคัมภีร์บ้างไหม ?”..."เปล่า ไม่มีเวลา” .......... “อ้าว ! ถ้างั้นความเชื่อของคุณจะเติบโตได้ยังไง ?”
2. พระเจ้าใช้พระวิญญาณของพระองค์ – เมื่อเราอุทิศตัวแด่พระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเข้ามาในชีวิตเราเพื่อเสริมกำลังและนำทางเรา
(โรม 8:9-11 ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่านแล้ว ท่านก็ไม่อยู่ในเนื้อหนัง แต่อยู่ในพระวิญญาณ ใครไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ คนนั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ และถ้าพระคริสต์อยู่ในท่านทั้งหลายแล้ว ถึงแม้ว่าร่างกายของท่านจะตายไปเพราะบาป แต่วิญญาณจิตของท่านก็จะดำรงอยู่เพราะความชอบธรรม ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากตาย สถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย พระองค์ผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากตายแล้วนั้น จะทรงทำให้กายซึ่งต้องตายของพวกท่านเป็นขึ้นมาใหม่ โดยพระวิญญาณของพระองค์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน)
พระเจ้าวิญญาณบริสุทธิ์ให้กำลังใหม่ ความกระฉับกระเฉง ความปรารถนา และพลังที่จะทำสิ่งถูกต้องแก่เรา เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในเรา เราก็เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อย ๆ
จุดประสงค์แรกของพระเจ้าในชีวิตของเราคือ ทำให้เราเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์...พระวิญญาณของพระเจ้าใช้ถ้อยคำของพระองค์ทำให้ลูก ๆ ของพระองค์เป็นเหมือนพระบุตรของพระองค์มากขึ้น แล้วพระเยซูเป็นยังไงหรือ ? ชีวิตพระองค์บนโลกนี้ประมวลไว้ซึ่งผลพระวิญญาณทั้งเก้าอย่าง ได้แก่ ความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพ และการรู้จักบังคับตน
3. พระเจ้าใช้สถานการณ์ต่าง ๆ – วิธีที่ดีเลิศอีกวิธีหนึ่งในการปรับเปลี่ยนเราคือ ให้เราอ่านพระคัมภีร์ เพื่อค้นหาว่า เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร และจากนั้นพึ่งพระวิญญาณของพระองค์ที่อยู่ในเราเพื่อช่วยให้เราทำได้ แต่น่าเสียดายที่พวกเราส่วนใหญ่หัวแข็ง และไม่ยอมเปลี่ยนตามง่าย ๆ ...พระเจ้าจึงต้องใช้เครื่องมือที่ 3 เข้ามาช่วย คือ สถานการณ์ ... สถานการณ์นี้หมายถึง ปัญหาและแรงกดดัน เรื่องปวดร้าวใจ ความยุ่งยากลำบาก และความเครียด เพราะสิ่งเหล่านี้มักกระตุ้นความสนใจของเราได้ดี
โรม 8:28-29 ฉบับขยายความ – สำหรับผู้ที่รักพระเจ้า ผู้ที่พระเจ้าเรียกตามแผนการของพระองค์ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะพอเหมาะพอดีกับรูปแบบที่เตรียมไว้ เพื่อให้เกิดผลดี เพราะพระเจ้าทรงเลือกเขาเหล่านั้นเพื่อให้คงลักษณะที่เหมือนพระบุตรของพระองค์ไว้ในครอบครัว
ไม่มีอะไรเข้ามาในชีวิตของผู้เชื่อได้ ถ้าพระบิดาในสวรรค์ไม่อนุญาต ...ทุกอย่างต้องได้รับการกลั่นกรองจากพระบิดาเสียก่อน ... บางครั้งเรามักหาเรื่องใส่ตัวเองบ่อย ๆ การตัดสินใจที่ผิด ๆ คิดผิด หรือบาปของตัวเราเอง หรือบางครั้งความเดือดร้อนของเราอาจเกิดจากคนอื่นก็ได้ หรือบางทีวิญญาณชั่วก็หาเรื่องให้เราอย่างที่มันทำกับโยบ ... แต่ไม่ว่าสถานการณ์แบบไหนก็ตาม จะดี หรือร้าย พระเจ้าจะใช้สถานการณ์นั้น ๆ ในชีวิตของเรา พระเจ้าจะจัดการให้เป็นไปตามแผนการของพระองค์ เพื่อให้เราทุกคนเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์นั่นเอง
ฉะนั้น ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เราสามารถเรียนรู้จากมันได้ ขอเพียงแต่ให้เรามีทัศนคติที่ถูกต้องเท่านั้น
สุภาษิต 20:30 - การเฆี่ยนที่ให้เป็นบาดแผล ก็ชำระความชั่วเสีย การโบยตีกระทำให้ส่วนลึกที่สุดสะอาดสะอ้าน
บางทีเราได้รับประสบการณ์ในข้อนี้แล้ว บางทีพระเจ้าใช้ประสบการณ์ที่เจ็บปวดจึงจะทำให้เราปรับเปลี่ยนอะไร ๆ ที่ทำอยู่ได้ พูดอีกอย่างคือ ถ้าไม่เกิดอะไรที่สุด ๆ ก็คงไม่ยอมเปลี่ยน ... “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา”
พระเจ้าตรัสกับเราผ่านพระคัมภีร์ และเร้าใจเราโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ถ้าเรายังไม่สนใจพระองค์อีก พระองค์ก็จะใช้สถานการณ์ร่วมด้วย จนกว่าเราจะเชื่อฟังพระองค์จนได้
พระเจ้าสามารถใช้ทุก ๆ สถานการณ์ในชีวิตเพื่อช่วยให้เราเติบโตได้ นี่คือหน้าที่ของพระองค์ แล้วหน้าที่ของเราล่ะ เราต้องทำอะไรบ้าง ?
การเลือกที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
1. เราต้องเลือกคิด – การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เราต้องเลือก จะเอาแต่นั่งเฉย ๆ ไม่ทำอะไร...ก็คงจะเติบโตไม่ได้
สุภาษิต 4:23 - จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ
หมายความว่า ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิต เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นมาจากความคิดใหม่ ๆ เสมอ
เราเป็นคริสเตียนได้อย่างไร ?...ก็โดยการกลับใจใหม่ ... กลับใจใหม่ ในภาษากรีกคือ metanoia แปลว่า เปลี่ยนใจ เปลี่ยนมุมมอง...เมื่อผมเป็นคริสเตียน ผมเปลี่ยนมุมมองหลายอย่าง
พระคัมภีร์สอนเราว่า “วิธีคิด – (กำหนด) - ความรู้สึก – (กำหนด) – สิ่งที่เรากระทำ” ...ฉะนั้นถ้าเราอยากเปลี่ยนการกระทำ เราต้องกลับไปที่ต้นตอและเปลี่ยนวิธีคิด...บางครั้งเราแสดงความไม่พอใจ (เพราะ) รู้สึกไม่พอใจ (เพราะ) เราคิดถึงเรื่องที่สร้างความขุ่นเคืองใจ ความโกรธ และความวิตกกังวล ...
ความจริงคือ การพยายามบังคับตัวเองให้เปลี่ยนโดยใช้พลังความตั้งใจอย่างเดียว มักจะไม่ค่อยได้ผลในระยะยาว แต่เราสามารถเปลี่ยนชีวิตได้โดยการปรับเปลี่ยนความคิด อย่าจดจ่อที่การกระทำ อย่าจดจ่อที่ความรู้สึก ...คนเรามักพูดบ่อย ๆ ว่า “ฉันจะเป็นคนที่มีความรักมากขึ้น” หรือ “ฉันคงมีความสุข ถ้าฉันได้ฆ่ามัน” ...การฝืนความรู้สึกจะไม่ได้ผล แต่ให้จดจ่อที่การเปลี่ยนความคิด...
ยอห์น 8:32 - พระเยซูตรัสว่า “และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”
เมื่อชีวิตของเราอยู่บนพื้นฐานของความจริง มีความคิดที่ถูกต้อง ความเชื่อที่ถูกต้องจากพระคัมภีร์ เราก็เป็นอิสระ และจะพบว่า นิสัยเก่า ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ หรือการกระทำเก่า ๆ ค่อย ๆ หลุดร่วงไป ... พระเจ้าให้พระคำแก่เรา เราต้องอ่านและใคร่ครวญอยู่เสมอ
โคโลสี 3:16 – จงให้พระวจนะของพระคริสต์อยู่ในพวกท่านอย่างบริบูรณ์ ... เราต้องใช้เวลากับพระคัมภีร์เสมอ จัดเวลาในการอ่าน ใคร่ครวญ และนำบทเรียนจากพระคำตอนนั้นมาใช้ในชีวิตของเรา
2. พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ – คริสเตียนแท้ทุกคนมีพระวิญญาณของพระเจ้าในชีวิต...แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ดำเนินชีวิตฤทธิ์เดช
ยอห์น 15:5 - เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ... แขนงขึ้นอยู่กับเถาองุ่นใหญ่อย่างสิ้นเชิง มันออกผลเองไม่ได้ การเกิดผลเป็นเรื่องภายใน ... ผลที่เกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียนนั้น เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ฉะนั้นจึงต้องออกมาจากภายใน...แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ในพระคริสต์...จะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์...
ง่ายนิดเดียว...ก็ดูชีวิตการอธิษฐานของเรานั่นเอง...การอธิษฐานแสดงให้เห็นว่าเราพึ่งพระเจ้าหรือเปล่า
เราอธิษฐานเรื่องอะไร แสดงว่าเราพึ่งพระเจ้าในเรื่องนั้น...เรื่องใดก็ตามที่เราไม่อธิษฐาน ก็แสดงว่าเรากำลังพยายามทำด้วยตนเอง...การพึ่งพระวิญญาณก็คือ อธิษฐานตลอดเวลา ถึงเรื่องการตัดสินใจ ความต้องการ ความสนใจ ตารางเวลา ปัญหาชีวิต การค้าขาย ... ทุกเรื่อง... เมื่ออธิษฐานเราจะเริ่มเห็นผลของพระวิญญาณเกิดขึ้นในชีวิต
3. การตอบสนองที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ต่าง ๆ – เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างในชีวิตได้ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่เราควบคุมได้ว่าจะตอบสนองต่อมันได้อย่างไร ...เราควบคุมได้ว่าสถานการณ์นั้น ๆ จะทำให้เราเจ็บปวดหรือทำให้เราเติบโตขึ้น
ท่านเปาโลได้กล่าวถึงเรื่องนี้
โรม 5:3-4 - ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความอดทน และความอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เราเห็นเช่นนั้นทำให้เกิดมีความหวังใจ พระเจ้ายังใช้สถานการณ์ในชีวิตที่คนอื่นมุ่งร้ายต่อเราด้วย นี่เป็นบทเรียนที่ได้จากชีวิตของโยเซฟ ...โยเซฟถูกพี่ชายหักหลังและขายไปเป็นทาส ถูกจับขังคุก ... สุดท้ายเขากล่าวกับพวกพี่ชายของเขาว่า
ปฐก.50:20 “พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีอย่างที่บังเกิดขึ้นนี้แล้ว คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก” ...บางครั้งชีวิตของเราก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ให้เราเชื่อวางใจในพระเจ้า ถ้าเรามอบให้พระเจ้าทรงนำ พระเจ้าสามารถทำให้สถานการณ์ที่เจ็บปวดนั้นเพื่อผลดีได้ พระองค์จะสร้างลักษณะนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นในเรา นี่คือเรื่องผลของพระวิญญาณ
เมื่อพระเจ้าสร้างมนุษย์ พระเจ้าสร้างตามพระฉายของพระองค์ นี่เป็นแผนการดั้งเดิมของพระเจ้า และแผนการนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง ... พระเจ้าอยากให้เราเหมือนพระองค์...ไม่ใช่เป็นพระเจ้า...แต่เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเหมือนพระเจ้า
“พระเจ้าผลิตผลของพระวิญญาณขึ้นในเรา โดย ยอมให้เราพบกับสถานการณ์และคนที่ไม่มีผลของพระวิญญาณ”
เช่น พระเจ้าสร้างความรักในชีวิตเราได้อย่างไร ? การรักคนน่ารักย่อมทำได้ง่าย แต่การสอนให้เรารู้จักความรักที่แท้จริงของพระเจ้า พระเจ้าจะนำเราไปอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่น่ารักเลย เราเรียนรู้จักความรักของพระเจ้า โดยให้ความรักแก่คนเจ้าอารมณ์ หรือเพื่อนบ้านที่น่ารำคาญ ... พระเจ้าสอนให้เราฝึกรัก “คนไม่น่ารัก” นั่นเอง
4. ใช้เวลา – กว่าผลจะสุก ย่อมต้องใช้เวลา เป็นไปไม่ได้ที่มันจะสุกภายใน 1 นาที เช่นกัน การเกิดผลฝ่ายวิญญาณก็ต้องใช้เวลา เวลาเป็นสิ่งสำคัญ...ถ้าเราพยายามบ่มหรือเร่งให้ผลไม้ให้สุกเร็ว ๆ มันก็จะไม่อร่อย และพระเจ้าก็ต้องใช้เวลารอให้ผลฝ่ายวิญญาณในชีวิตคุณสุกงอมเช่นกัน
เราอาจเริ่มบอกพระเจ้าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ว่า เราอยากเป็นคริสเตียนที่เกิดผลบริบูรณ์ เราอยากร่วมมือกับแผนการของพระองค์ อุทิศตัว อ่าน ศึกษา ท่องจำ ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า ขอพระเจ้าใช้พระคำเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา จำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มีอำนาจเด็ดขาดในชีวิตของเรา อย่ากักเก็บอะไรไว้ อธิษฐานและพูดคุยกับพระเจ้าทุกเรื่อง ให้เรายอมรับแผนการของพระเจ้าที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา พระเจ้าต้องการผลิตผลฝ่ายวิญญาณขึ้นในชีวิตของเรา ให้เราร่วมมือและยอมจำนนต่อพระองค์เถิด
------------
สรุปจากหนังสือ "พลังแห่งชีวิต" หน้า 25-45 เขียนโดย ริค วอร์เร็น