คำถาม: คริสเตียนต้องร้กษาวันสะบาโตไหม?
คำตอบ: บ่อยครั้งมีการอ้างว่า “พระเจ้าทรงสถาปนาวันสะบาโตในสวนเอเดน” เนื่องจากการเกี่ยวข้องระหว่างวันสะบาโตและการทรงสร้างในหนังสืออพยพ 20:11 แม้ว่าการที่พระเจ้าจะทรงพักผ่อนในวันที่เจ็ด (ปฐมกาล 2:3) จะเป็นเงาในการตั้งกฎแห่งวันสะบาโตในอนาคตขึ้นมาก็ตาม ก่อนหน้าที่ชนชาติอิสราเอลจะออกจากอียิปต์พระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงวันสะบาโตเลย ไม่มีพระคัมภีร์ตอนไหนที่บอกว่าผู้คนตั้งแต่สมัยอาดัมจนถึงโมเสสยึดถือวันสะบาโต
พระวจนะของพระเจ้าตรัสไว้อย่างชัดเจนว่าการรักษาวันสะบาโตเป็นหมายสำคัญระหว่างพระเจ้าและชนชาติอิสราเอล “โมเสสขึ้นไปเฝ้าพระเจ้า พระเจ้าตรัสจากภูเขานั้นว่า "บอกวงศ์วานยาโคบและชนชาติอิสราเอลดังนี้ว่า`พวกเจ้าได้เห็นกิจการซึ่งเรากระทำกับชาวอียิปต์แล้ว และที่เราเทิดชูเจ้าขึ้น ดุจดังด้วยปีกนกอินทรี เพื่อนำเจ้ามาถึงเรา เหตุฉะนั้นถ้าเจ้าฟังเสียงเรา และรักษาพันธสัญญาของเราไว้ เจ้าจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราที่เราเลือกสรรท่ามกลางชนชาติทั้งปวง เพราะแผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา” (อพยพ 19:3–5)
“เหตุฉะนี้ ชนชาติอิสราเอลจึงถือวันสะบาโตตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขาเป็นพันธสัญญาเนืองนิตย์ เป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับชนชาติอิสราเอลว่า ในหกวันพระเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก แต่ในวันที่เจ็ดพระองค์ได้ทรงงดการงานไว้ และได้ทรงหย่อนพระทัยในวันนั้น” (อพยพ 31:16–17)
ในเฉลยธรรมบัญญัติ 5 โมเสสโยงบัญญัติสิบประการไปถึงชนชาติอิสราเอลรุ่นถัดไป ในตอนนี้ หลังจากที่ได้สั่งให้พวกเขารักษาวันสะบาโตในข้อ 12-14 แล้ว โมเสสยังให้เหตุผลว่าทำไมคนอิสราเอลจึงต้องรักษาวันสะบาโต: “จงระลึกว่าเจ้าเคยเป็นทาสอยู่ในแผ่นดินอียิปต์ และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าได้พาเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรที่เหยียดออก เหตุฉะนี้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าได้ทรงบัญชาให้เจ้ารักษาวันสะบาโต” (เฉลยธรรมบัญญัติ 5:15)
จงสังเกตคำว่าเหตุฉะนี้ พระประสงค์ของพระเจ้าในการกำหนดวันสะบาโตให้กับคนอิสราเอลไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาจำการทรงสร้าง แต่เพื่อให้พวกเขาจำการเป็นทาสในอียิปต์และการทรงปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ จงสังเกตุข้อเรียกร้องในการรักษาวันสะบาโต: คนที่ถือวันสะบาโตออกจากที่พักของตนไม่ได้ (อพยพ 16:29), ก่อไฟไม่ได้ (อพยพ 35:3) ให้ใครทำการงานใด ๆ ไม่ได้ (อพยพ 5:14) ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎแห่งวันสะบาโตจะต้องถูกลงโทษถึงตาย (อพยพ 31:15; กันดารวิถี 15:32–35)
จากการค้นคว้าข้อพระคัมภีร์ในพันธสัญญาใหม่เราได้พบหัวข้อสำคัญสี่หัวข้อคือ: 1) เมื่อใดที่พระคริสต์ปรากฏพระองค์ในสภาพหลังการฟื้นคืนพระชนม์และมีการบอกวันไว้ วันนั้นจะเป็นวันแรกของสัปดาห์เสมอ (มัทธิว 28:1, 9, 10; มาระโก 16:9; ลูกา 24:1, 13, 15; ยอห์น 20:19, 26) 2) ครั้งเดียวที่วันสะบาโตถูกกล่าวถึงตั้งแต่ในหนังสือกิจการจนถึงวิวรณ์ก็เพื่อการประกาศต่อคนยิว และสถานที่ในการประกาศก็คือในธรรมศาลา (กิจการยทที่ 13–18) ท่านเปาโลเขียนว่า “ต่อพวกยิว ข้าพเจ้าก็ทำตัวเหมือนยิว เพื่อจะได้พวกยิว” (1 โครินธ์ 9:20) ท่านเปาโลไม่ได้ไปที่ธรรมศาลาเพื่อมีสามัคคีธรรมและเสริมสร้างธรรมิกชน แต่เพื่อให้พวกเขารู้สึกผิดและช่วยผู้หลงหายให้รอด 3) ครั้งหนึ่งท่านเปาโลประกาศว่า “ตั้งแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะไปหาคนต่างชาติ” (กิจการ 18:6), วันสะบาโตไม่ได้ถูกกล่าวถึงอีกเลย, และ 4) แทนที่ส่วนที่เหลือในพระคัมภีร์ใหม่จะเสนอแนะให้ยึดติดกับวันสะบาโต, ข้อพระคัมภีร์กลับชี้แนะไปยังทิศทางตรงกันข้าม (รวมถึงข้อยกเว้นหนึ่งข้อจากหนังสือโคโลสี 2:26 สำหรับข้อ 3 ข้างต้น)
หากเราดูให้ละเอียดยิ่งขึ้น ข้อ 4 ข้างต้นจะเปิดเผยว่าไม่ได้มีการบังคับให้ผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่รักษาวันสะบาโต และแสดงให้เห็นด้วยว่าแนวความคิดที่ว่าวันอาทิตย์เป็นวัน “สะบาโตสำหรับคริสเตียน” ไม่มีในพระคัมภีร์เช่นเดียวกัน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น มีอยู่ครั้งเดียวที่วันสะบาโตถูกนำมากล่าวถึงหลังจากที่ท่านเปาโลเริ่มเน้นที่คนต่างชาติ, “เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกินการดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโตสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์” (โคโลสี 2:16–17) วันสะบาโตของชาวยิวได้ถูกลบล้างออกไปที่กางเขนที่ซึ่งพระคริสต์ “ทรงฉีกกรรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆซึ่งขัดขวางเรา” (โคโลสี 2:14)
แนวความคิดนี้ได้ถูกย้ำมากกว่าหนึ่งครั้งในพันธสัญญาใหม่: “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด ผู้ที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กินก็กินเพื่อถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และผู้ที่ไม่ได้กิน ก็มิได้กิจเพื่อถวายเกียรติแค่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า” (โรม 14:5–6ก) “แต่บัดนี้เมื่อท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกก็คือพระเจ้าทรงรู้จักท่านแล้ว เหตุไฉนท่านจึงจะกลับไปหาวิญญาณต่างๆซึ่งอ่อนแอและอเนจอนาถ และอยากจะเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้นอีก ท่านถือวัน เดือน ฤดู และปี” (กาลาเทีย 4:9–10)
แต่บางคนอ้างว่ากษัตริย์คอนสแตนตินได้ “เปลี่ยน” วันสะบาโตจากวันเสาร์มาเป็นวันอาทิตย์ในปีคศ 321 คริสตจักรในยุคแรกประชุมนมัสการกันวันไหน? พระคัมภีร์ไม่เคยพูดถึงการเข้ามาชุมนุมกันของผู้เชื่อเพื่อมีสามัคคีธรรมและนมัสการในวันสะบาโต (วันเสาร์) ไหนเลย แต่มีข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่กล่าวถึงวันแรกของสัปดาห์ ยกตัวอย่างเช่น, หนังสือกิจการ 20:7 กล่าวว่า “ในวันต้นสัปดาห์เมื่อพวกสาวกประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง” ใน 1 โครินธ์ 16:2 ท่านเปาโลหนุนใจผู้เชื่อชาวเมืองโครินธ์ว่า “ทุกวันต้นสัปดาห์ให้พวกท่านทุกคนเก็บผลประโยชน์ที่ได้รับไว้บ้าง” เนื่องจากท่านเปาโลได้ระบุให้การถวายทรัพย์นี้เป็น “การปรนิบัติ” ในหนังสือ 2 โครินธ์ 9:12 ดังนั้นการถวายนี้คงเกี่ยวข้องไปถึงการประชุมนมัสการของคริสเตียนในวันอาทิตย์ ตามประวัติศาสตร์ วันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ คือวันประชุมตามปกติของคริสเตียนในคริสตจักร และการปฏิบัตินี้ยึดถือกันมาตั้งแต่สมัยศตวรรษแรก
วันสะบาโตเป็นวันที่ถูกกำหนดไว้สำหรับคนอิสราเอล วันสะบาโตยังคงเป็นวันเสาร์ ไม่ใช่วันอาทิตย์ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย แต่วันสะบาโตเป็นส่วนหนึ่งของธรรมบัญญัติในพันธสัญญาเดิม และคริสตเตียนเป็นอิสระแล้วจากพันธนาการแห่งธรรมบัญญัติ (กาลาเทีย 4:1-26; โรม 6:14) การรักษาวันสะบาโตไม่ได้เป็นข้อเรียกร้องสำหรับคริสเตียน ไม่ว่าจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ วันแรกของสัปดาห์ (วันอาทิตย์, วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า) (วิวรณ์ 1:10) เป็นวันเฉลิมฉลองการทรงสร้างใหม่โดยมีพระคริสต์ทรงเป็นผู้นำที่ฟื้นคืนพระชนม์ เราไม่จำเป็นที่จะต้องยึดถือวันสะบาโตตามกฎของโมเสส (วันพักผ่อน) เพราะบัดนี้เราเป็นอิสระแล้วที่จะติดตามพระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ (ปรนิบัติ) อัครทูตเปาโลบอกว่าคริสเตียนแต่ละคนควรตัดสินใจว่าจะรักษาวันสะบาโตหรือไม่ “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด” (โรม 14:5) เราสมควรที่จะนมัสการพระเจ้าทุกวัน ไม่ใช่เพียงแค่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์เท่านั้น
--
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Sabbath-day.html
ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน (สุภาษิต 1:7)
อย่าคิดว่าตนมีปัญญาจงยำเกรงพระยาห์เวห์ และจงหันจากความชั่วร้าย (สุภาษิต 3:5-7)
พระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสเตียนรักษาวันสะบาโตหรือ?
พระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสเตียนรักษาวันสะบาโตหรือ?
คำถาม: พระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสเตียนรักษาวันสะบาโตหรือ?
คำตอบ: โคโลสี 2:16-17 “เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์” โรม14:5 “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด”
ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กล่าวอย่างชัดเจนว่า สำหรับคริสเตียน การรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องของเสรีภาพทางจิตวิญญาณ ไม่ได้เป็นคำสั่งจากพระเจ้า การรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องหนึ่งในพระวจนะของพระเจ้า สั่งสอนเราไม่ให้ตัดสินกันและกัน การรักษาวันสะบาโต เป็นเรื่องที่คริสเตียนแต่ละคนประจักษ์ชัดแน่ใจในความคิดของเขาหรือเธอเอง
ในบทแรกของหนังสือกิจการของอัครทูต คริสเตียนพวกแรกส่วนใหญ่เป็นชาวยิว
เมื่อคนต่างชาติเริ่มได้รับของประทานแห่งความรอดโดยพระเยซูคริสต์ คริสเตียนชาวยิวตกอยู่ในภาวะที่ลำบากใจอย่างยิ่ง คริสเตียนต่างชาติควรได้รับคำแนะนำให้เชื่อฟังด้านใด บัญญัติของโมเสสหรือประเพณีของชาวยิว อัครสาวกได้ประชุมกันและถกปัญหานี้ในสภากรุงเยรูซาเล็ม (กิจการ 15) กิจการ 15:19-20 “เหตุฉะนั้นตามความเห็นของข้าพเจ้า อย่าให้เราวางเครื่องขัดขวางกีดกันคนต่างชาติ ซึ่งกลับมาหาพระเจ้า แต่เราจงเขียนหนังสือฝากไปถึงเขาว่า ให้งดเว้นเสียจากสิ่งที่มลทินเนื่องด้วยรูปเคารพ จากการล่วงประเวณี จากการรับประทานเนื้อสัตว์ที่รัดคอตาย และจากการรับประทานเลือด”
การรักษาวันสะบาโตไม่ได้เป็นคำสั่งหนึ่งที่อัครสาวกรู้สึกว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการบังคับผู้เชื่อที่เป็นชาวต่างชาติ มันยากที่จะเข้าใจว่าพวกอัครสาวกจะละเลยที่จะนับรวมเรื่องรักษาวันสะบาโตไว้ ถ้ามันเป็นคำสั่งของพระเจ้าสำหรับคริสเตียนที่จะรักษาวันสะบาโต
ข้อผิดพลาดร่วมกันในการถกเถียงเรื่องการรักษาวันสะบาโต คือความคิดที่ว่าวันสะบาโตเป็นวันนมัสการ กลุ่มเซเว่นเดย์แอดเวนติสท์ ถือว่าพระเจ้าทรงเรียกร้อง ให้คริสตจักรจัดนมัสการขึ้นในวันเสาร์คือวันสะบาโต นั่นไม่ใช่เป็นบัญญัติเรื่องวันสะบาโต บัญญัติเรื่องวันสะบาโตคือจะต้องไม่ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต อพยพ 20:8-11 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงาน ใดๆไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์” ไม่พบข้อพระคัมภีร์ตรงไหนที่บัญญัติให้วันสะบาโตเป็นวันนมัสการ ใช่แล้ว ชาวยิวในพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ และยุคปัจจุบันใช้วันเสาร์เป็นวันนมัสการ แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของบัญญัติเรื่องวันสะบาโต
ในหนังสือกิจการของอัครทูต เมื่อใดก็ตามที่ประชุมจัดในวันสะบาโตนั้น มันเป็นการประชุมของชาวยิว ไม่ใช่ของคริสเตียน
เมื่อไหร่ที่คริสเตียนยุคแรกนัดประชุมกัน กิจการ 2:46-47 “เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ” ถ้ามีวันหนึ่งที่คริสเตียนมาประชุมเป็นประจำ ก็คือวันแรกของสัปดาห์ (วันอาทิตย์ของเรา) ไม่ใช่วันสะบาโต (วันเสาร์ของเรา)
Acts กิจการ 20:7 “ในวันอาทิตย์เมื่อเราทั้งหลายประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขา เพราะว่าวันรุ่งขึ้นจะลาไปจากเขาแล้ว ท่านได้กล่าวยืดยาวไปจนเที่ยงคืน”
1 Corinthians 1โครินธ์ 16:2 “ทุกวันต้นสัปดาห์ ให้พวกท่านทุกคนเก็บเงินผลประโยชน์ที่ได้รับไว้บ้าง เพื่อจะไม่ต้องเก็บเรี่ยไรเมื่อข้าพเจ้ามา” เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ในวันอาทิตย์ คริสเตียนยุคแรกไม่ได้รักษาวันอาทิตย์เป็น "วันสะบาโตของคริสเตียน" แต่เป็นวันนมัสการพระเยซูคริสต์โดยเฉพาะ
มีอะไรผิดในการนมัสการในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันสะบาโตของชาวยิวหรือ ไม่มีอย่างแน่นอน เราควรนมัสการพระเจ้าทุกวัน ไม่เพียงแต่ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ คริสตจักรหลายแห่งทุกวันนี้มีทั้งการนมัสการในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เรามีเสรีภาพในพระคริสต์ โรม 8:21 “ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า” 2โครินธ์ 3:17 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น” กาลาเทีย 5:1 “เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย”
คริสเตียนควรรักษาวันสะบาโต นั่นคือไม่ทำงานทุกวันเสาร์หรือ ถ้าคริสเตียนรู้สึกว่าใจอยากทำเช่นนั้น ทำได้เลยแน่นอน โรม 14:5 “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลือกที่จะรักษาวันสะบาโตไม่ควรตัดสินผู้ที่ไม่ได้รักษาวันสะบาโต โคโลสี 2:16 “เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต”
ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ไม่ได้รักษาวันสะบาโตควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นหินสะดุดแก่ผู้ที่ไม่รักษาวันสะบาโต
1โครินธ์ 8:9 “แต่จงระวังอย่าให้เสรีภาพของท่านนั้น ทำให้คนที่มีความเชื่อน้อยหลงผิดไป”
กาลาเทีย 5:13-15 “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด
เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
แต่ถ้าท่านกัดและกินเนื้อกันและกัน จงระวังให้ดี เกรงว่าจะย่อยยับไปตามๆกัน
--
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Sabbath-keeping.html
คำถาม: พระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสเตียนรักษาวันสะบาโตหรือ?
คำตอบ: โคโลสี 2:16-17 “เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์” โรม14:5 “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด”
ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กล่าวอย่างชัดเจนว่า สำหรับคริสเตียน การรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องของเสรีภาพทางจิตวิญญาณ ไม่ได้เป็นคำสั่งจากพระเจ้า การรักษาวันสะบาโตเป็นเรื่องหนึ่งในพระวจนะของพระเจ้า สั่งสอนเราไม่ให้ตัดสินกันและกัน การรักษาวันสะบาโต เป็นเรื่องที่คริสเตียนแต่ละคนประจักษ์ชัดแน่ใจในความคิดของเขาหรือเธอเอง
ในบทแรกของหนังสือกิจการของอัครทูต คริสเตียนพวกแรกส่วนใหญ่เป็นชาวยิว
เมื่อคนต่างชาติเริ่มได้รับของประทานแห่งความรอดโดยพระเยซูคริสต์ คริสเตียนชาวยิวตกอยู่ในภาวะที่ลำบากใจอย่างยิ่ง คริสเตียนต่างชาติควรได้รับคำแนะนำให้เชื่อฟังด้านใด บัญญัติของโมเสสหรือประเพณีของชาวยิว อัครสาวกได้ประชุมกันและถกปัญหานี้ในสภากรุงเยรูซาเล็ม (กิจการ 15) กิจการ 15:19-20 “เหตุฉะนั้นตามความเห็นของข้าพเจ้า อย่าให้เราวางเครื่องขัดขวางกีดกันคนต่างชาติ ซึ่งกลับมาหาพระเจ้า แต่เราจงเขียนหนังสือฝากไปถึงเขาว่า ให้งดเว้นเสียจากสิ่งที่มลทินเนื่องด้วยรูปเคารพ จากการล่วงประเวณี จากการรับประทานเนื้อสัตว์ที่รัดคอตาย และจากการรับประทานเลือด”
การรักษาวันสะบาโตไม่ได้เป็นคำสั่งหนึ่งที่อัครสาวกรู้สึกว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการบังคับผู้เชื่อที่เป็นชาวต่างชาติ มันยากที่จะเข้าใจว่าพวกอัครสาวกจะละเลยที่จะนับรวมเรื่องรักษาวันสะบาโตไว้ ถ้ามันเป็นคำสั่งของพระเจ้าสำหรับคริสเตียนที่จะรักษาวันสะบาโต
ข้อผิดพลาดร่วมกันในการถกเถียงเรื่องการรักษาวันสะบาโต คือความคิดที่ว่าวันสะบาโตเป็นวันนมัสการ กลุ่มเซเว่นเดย์แอดเวนติสท์ ถือว่าพระเจ้าทรงเรียกร้อง ให้คริสตจักรจัดนมัสการขึ้นในวันเสาร์คือวันสะบาโต นั่นไม่ใช่เป็นบัญญัติเรื่องวันสะบาโต บัญญัติเรื่องวันสะบาโตคือจะต้องไม่ทำงานใดๆ ในวันสะบาโต อพยพ 20:8-11 “จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงาน ใดๆไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ใช้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวันสะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธิ์” ไม่พบข้อพระคัมภีร์ตรงไหนที่บัญญัติให้วันสะบาโตเป็นวันนมัสการ ใช่แล้ว ชาวยิวในพันธสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ และยุคปัจจุบันใช้วันเสาร์เป็นวันนมัสการ แต่นั่นไม่ใช่สาระสำคัญของบัญญัติเรื่องวันสะบาโต
ในหนังสือกิจการของอัครทูต เมื่อใดก็ตามที่ประชุมจัดในวันสะบาโตนั้น มันเป็นการประชุมของชาวยิว ไม่ใช่ของคริสเตียน
เมื่อไหร่ที่คริสเตียนยุคแรกนัดประชุมกัน กิจการ 2:46-47 “เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขา ร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและใจกว้างขวาง ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า ได้ทรงโปรดให้คนทั้งหลายซึ่งกำลังจะรอด มาเข้ากับพวกสาวกทุกวันๆ” ถ้ามีวันหนึ่งที่คริสเตียนมาประชุมเป็นประจำ ก็คือวันแรกของสัปดาห์ (วันอาทิตย์ของเรา) ไม่ใช่วันสะบาโต (วันเสาร์ของเรา)
Acts กิจการ 20:7 “ในวันอาทิตย์เมื่อเราทั้งหลายประชุมกันทำพิธีหักขนมปัง เปาโลก็กล่าวสั่งสอนเขา เพราะว่าวันรุ่งขึ้นจะลาไปจากเขาแล้ว ท่านได้กล่าวยืดยาวไปจนเที่ยงคืน”
1 Corinthians 1โครินธ์ 16:2 “ทุกวันต้นสัปดาห์ ให้พวกท่านทุกคนเก็บเงินผลประโยชน์ที่ได้รับไว้บ้าง เพื่อจะไม่ต้องเก็บเรี่ยไรเมื่อข้าพเจ้ามา” เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ในวันอาทิตย์ คริสเตียนยุคแรกไม่ได้รักษาวันอาทิตย์เป็น "วันสะบาโตของคริสเตียน" แต่เป็นวันนมัสการพระเยซูคริสต์โดยเฉพาะ
มีอะไรผิดในการนมัสการในวันเสาร์ซึ่งเป็นวันสะบาโตของชาวยิวหรือ ไม่มีอย่างแน่นอน เราควรนมัสการพระเจ้าทุกวัน ไม่เพียงแต่ในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ คริสตจักรหลายแห่งทุกวันนี้มีทั้งการนมัสการในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เรามีเสรีภาพในพระคริสต์ โรม 8:21 “ด้วยมีความหวังใจว่า สรรพสิ่งเหล่านั้นจะได้รอดจากอำนาจแห่งความเสื่อมสลาย และจะเข้าในเสรีภาพและศักดิ์ศรีแห่งบุตรทั้งหลายของพระเจ้า” 2โครินธ์ 3:17 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น” กาลาเทีย 5:1 “เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย”
คริสเตียนควรรักษาวันสะบาโต นั่นคือไม่ทำงานทุกวันเสาร์หรือ ถ้าคริสเตียนรู้สึกว่าใจอยากทำเช่นนั้น ทำได้เลยแน่นอน โรม 14:5 “คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด” อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เลือกที่จะรักษาวันสะบาโตไม่ควรตัดสินผู้ที่ไม่ได้รักษาวันสะบาโต โคโลสี 2:16 “เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน หรือวันสะบาโต”
ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่ไม่ได้รักษาวันสะบาโตควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นหินสะดุดแก่ผู้ที่ไม่รักษาวันสะบาโต
1โครินธ์ 8:9 “แต่จงระวังอย่าให้เสรีภาพของท่านนั้น ทำให้คนที่มีความเชื่อน้อยหลงผิดไป”
กาลาเทีย 5:13-15 “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด
เพราะว่าธรรมบัญญัติทั้งสิ้นนั้นสรุปได้เป็นคำเดียว คือว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
แต่ถ้าท่านกัดและกินเนื้อกันและกัน จงระวังให้ดี เกรงว่าจะย่อยยับไปตามๆกัน
--
http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-Sabbath-keeping.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)