Where does the word “Apologetics” come from?

The English word apologetics sounds an awful lot like the word apology (from apologize, as in saying you are sorry for something you did). These words are, however, not so closely related. The English word apologetics comes from the Greek word avpologi,a (apologian) which is used in the following verses (quoted from the English Standard Version):

1 Peter 3: 15

but in your hearts regard Christ the Lord as holy, always being prepared to make a defense to anyone who asks you for a reason for the hope that is in you;
ku,rion de. to.n Cristo.n a`gia,sate evn tai/j kardi,aij u`mw/n( e[toimoi avei. pro.j avpologi,an panti. tw/| aivtou/nti u`ma/j lo,gon peri. th/j evn u`mi/n evlpi,doj(

Philippians 1:7

It is right for me to feel this way about you all, because I hold you in my heart, for you are all partakers with me of grace, both in my imprisonment and in the defense and confirmation of the gospel.
Kaqw,j evstin di,kaion evmoi. tou/to fronei/n u`pe.r pa,ntwn u`mw/n dia. to. e;cein me evn th/| kardi,a| u`ma/j( e;n te toi/j desmoi/j mou kai. evn th/| avpologi,a| kai. bebaiw,sei tou/ euvaggeli,ou sugkoinwnou,j mou th/j ca,ritoj pa,ntaj u`ma/j o;ntajÅ

Philippians 1:16

The latter do it out of love, knowing that I am put here for the defense of the gospel.
oi` me.n evx avga,phj( eivdo,tej o[ti eivj avpologi,an tou/ euvaggeli,ou kei/mai(

2 Corinthians 7:11

For see what earnestness this godly grief has produced in you, but also what eagerness to clear yourselves (NASB: “what vindication of yourselves”), what indignation, what fear, what longing, what zeal, what punishment! At every point you have proved yourselves innocent in the matter.
ivdou. ga.r auvto. tou/to to. kata. qeo.n luphqh/nai po,shn kateirga,sato u`mi/n spoudh,n( avlla. avpologi,an( avlla. avgana,kthsin( avlla. fo,bon( avlla. evpipo,qhsin( avlla. zh/lon( avlla. evkdi,khsinÅ evn panti. sunesth,sate e`autou.j a`gnou.j ei=nai tw/| pra,gmatiÅ

2 Corinthians 12:19

Have you been thinking all along that we have been defending ourselves to you? It is in the sight of God that we have been speaking in Christ, and all for your upbuilding, beloved.
Pa,lai dokei/te o[ti u`mi/n avpologou,meqaÅ kate,nanti qeou/ evn Cristw/| lalou/men\ ta. de. pa,nta( avgaphtoi,( u`pe.r th/j u`mw/n oivkodomh/jÅ

Acts 24:10

And when the governor had nodded to him to speak, Paul replied: "Knowing that for many years you have been a judge over this nation, I cheerfully make my defense.
VApekri,qh te o` Pau/loj neu,santoj auvtw/| tou/ h`gemo,noj le,gein\ evk pollw/n evtw/n o;nta se krith.n tw/| e;qnei tou,tw| evpista,menoj euvqu,mwj ta. peri. evmautou/ avpologou/mai(

Acts 25:8

Paul argued in his defense, "Neither against the law of the Jews, nor against the temple, nor against Caesar have I committed any offense."
tou/ Pau,lou avpologoume,nou o[ti ou;te eivj to.n no,mon tw/n VIoudai,wn ou;te eivj to. i`ero.n ou;te eivj Kai,sara, ti h[martonÅ

Acts 25:16

I answered them that it was not the custom of the Romans to give up anyone before the accused met the accusers face to face and had opportunity to make his defense concerning the charge laid against him.
pro.j ou]j avpekri,qhn o[ti ouvk e;stin e;qoj ~Rwmai,oij cari,zesqai, tina a;nqrwpon pri.n h’ o` kathgorou,menoj kata. pro,swpon e;coi tou.j kathgo,rouj to,pon te avpologi,aj la,boi peri. tou/ evgklh,matojÅ

Acts 26:24

And as he was saying these things in his defense, Festus said with a loud voice, “Paul, you are out of your mind; your great learning is driving you out of your mind.”
Tau/ta de. auvtou/ avpologoume,nou o` Fh/stoj mega,lh| th/| fwnh/| fhsin\ mai,nh|( Pau/le\ ta. polla, se gra,mmata eivj mani,an peritre,peiÅ

Acts 22:1

“Brothers and fathers, hear the defense that I now make before you.”
:Andrej avdelfoi. kai. pate,rej( avkou,sate, mou th/j pro.j u`ma/j nuni. avpologi,ajÅ

2 Timothy 4:16

At my first defense no one came to stand by me, but all deserted me. May it not be charged against them!
VEn th/| prw,th| mou avpologi,a| ouvdei,j moi parege,neto( avlla. pa,ntej me evgkate,lipon\ mh. auvtoi/j logisqei,h\

Romans 2:15

They show that the work of the law is written on their hearts, while their conscience also bears witness, and their conflicting thoughts accuse or even excuse them (NASB: “their thoughts alternately accusing or else defending them”)
oi[tinej evndei,knuntai to. e;rgon tou/ no,mou grapto.n evn tai/j kardi,aij auvtw/n( summarturou,shj auvtw/n th/j suneidh,sewj kai. metaxu. avllh,lwn tw/n logismw/n kathgorou,ntwn h’ kai. avpologoume,nwn(

1 Corinthians 9:3

This is my defense to those who would examine me.
~H evmh. avpologi,a toi/j evme. avnakri,nousi,n evstin au[thÅ

Jeremiah 38:6 (31:6 in English)

The Greek translation of the Old Testament (called the LXX, or the Septuagint) uses the word:
For there shall be a day when watchmen will call in the hill country of Ephraim: ‘Arise, and let us go up to Zion, to the LORD our God.’”
[ti e;stin h`me,ra klh,sewj avpologoume,nwn evn o;resin Efraim avna,sthte kai. avna,bhte eivj Siwn pro.j ku,rion to.n qeo.n h`mw/n

Conclusion

Based on these references it is clear that the word avpologi,a (and its cognates) refers to defending, making a defense, giving reasons or excuses (without the modern connotation of giving bad excuses), and so on. The thing being defended could range anywhere from the Gospel, to a person (such as Paul’s defense of himself before Felix).

-------
http://eyeonapologetics.com/blog/2010/08/04/where-does-the-word-%E2%80%9Capologetics%E2%80%9D-come-from/

ทำไมตัวเลขในพระคัมภีร์ถึงขัดแย้งกัน?

จำนวนเลขนั้น สำคัญไฉน?

เขียนโดย อ.ปัญญา โชชัยชาญ

ทำไม 2 พงศ์กษัตริย์ 8:26 กับ 2 พงศาวดาร 22:2 บอกอายุตอนเป็นกษัตริย์ไม่ตรงกันให้เชื่ออันไหนดี ใน 1 พงศาวดาร 18:4 กับ 2 ซามูเอล 8:4 บอกจำนวนรถม้าไม่ตรงกันเพราะเหตุใดในพระคัมภีร์เล่มเดียวกันถึงคลาดเคลื่อน ได้ เรียน คุณวันชัย ทราบ

       คำถามของคุณน่าสนใจและอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนั้นผมจึงใช้เวลาศึกษาก่อนจะตอบ ทั้งนี้เพื่อให้แน่ใจว่าคำตอบนั้นรัดกุมและถูกต้อง เราจะเริ่มต้นที่คำถามของคุณเกี่ยวกับจำนวนเลขซึ่งไม่ตรงกันในพระธรรมต่าง เล่มกัน แต่ก่อนอื่น ผมอยากให้คุณทราบจุดยืนของผมก่อนว่า ผมเชื่อว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ทุกตอนเป็นพระวจนะหรือคำตรัสของพระเจ้า ทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจ และเป็นมาตรฐานของพระเจ้าสำหรับมนุษย์ในการดำเนินชีวิตอย่างที่พอพระทัย พระองค์ ผมเชื่อว่าต้นฉบับหรือสำเนาต้นฉบับแรกของพระคัมภีร์นั้นถูกต้องเพราะได้รับ การดลใจจากพระเจ้า แต่การคัดลอกโดยพวกอาลักษณ์ในเวลาต่อมา แม้ว่าจะพยายามอย่างเคร่งครัดให้ตรงต้นฉบับที่สุด ก็อาจมีบ้างที่ผิดพลาดไปโดยไม่ตั้งใจ อย่างเช่น จำนวนเลขที่ไม่ตรงกันนี้ เป็นต้น ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในทำนองนี้ก็มี......หลายประการเช่น ระยะเวลาการเขียนของพระธรรม 2 ฉบับที่ห่างกัน ระยะเวลาของการคัดลอกที่นานเกินไปทำให้ตัวหนังสือจางลงหรือสำเนาโบราณชำรุด เสียหาย แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่ความผิดพลาดของมือมนุษย์นี้ไม่ไปกระทบต่อคำสอนหลัก ของพระเจ้า อาทิ เรื่องการรอดพ้นจากบาป เป็นต้น นี่ทำให้ผมคิดถึงสุภาษิตไทยว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง       

คำถามแรกว่า อายุที่ถูกต้องของกษัตริย์อาหัสยาห์แห่งอาณาจักรยูดาห์เมื่อขึ้นครองราชย์ คือเท่าไร
? 22 ปี ตามพระธรรม 2 พงศ์กษัตริย์ 8:26  หรือ  42 ปี ตามพระธรรม 2 พงศาวดาร 22:2 ?

คำตอบก็คือ อาหัสยาห์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อมีอายุ 22 พรรษา ทั้งนี้เพราะกษัตริย์โยรัมแห่งยูดาห์ผู้เป็นพระราชบิดาสิ้นพระชนม์เมื่อมี อายุ 40 พรรษา ดูพระธรรม 2 พงศ์กษัตริย์ 8:17,24 และพระธรรม 2 พงศาวดาร 21:20 ซึ่งได้ระบุว่า โยรัมแห่งยูดาห์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่ออายุ 32 พรรษา และทรงปกครองบ้านเมืองอยู่ 8 ปี จึงสิ้นพระชนม์ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่อาหัสยาห์ผู้เป็นพระราชโอรสจะมีพระชนมายุ 42 พรรษา ในเวลาที่พระราชบิดาสวรรคตและที่พระองค์เองเสด็จขึ้นครองราชย์ พระราชโอรสจะมีอายุแก่กว่าพระราชบิดาได้อย่างไร? นี่ก็หมาย ความว่าผู้คัดลอกพระธรรม 2 พงศาวดารทำพลาด

คำถามที่สองว่า จำนวนพลม้าที่ดาวิดยึดได้จากการรบกับฮาดัดเอเซอร์คือเท่าไร
? 7,000 ตามพระธรรม 1 พงศาวดาร 18:4 หรือ 1,700 ตามพระธรรม 2 ซามูเอล 8:4 หรือ 700 ตามพระธรรม 2 ซามูเอล 8:4 ฉบับคิงเจมส์

คำตอบก็คือ พระคัมภีร์ทั้งสองตอนคือ 1 พงศาวดาร 18:4 และ 2 ซามูเอล 8:4 กล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันคือตอนที่ดาวิดรบชนะฮาดัดเอเซอร์ แห่งเมืองโศบาห์ และได้กวาดต้อนเชลยศึกมากมาย ดังนั้นจำนวนเลขที่ปรากฏในพระธรรมสองตอนนี้จึงควรจะตรงกัน แต่ความจริงที่ปรากฏให้เห็นก็คือจำนวนเลขไม่ตรงกัน นี่ก็จึงส่งผลให้ผู้อ่านเกิดสับสนว่าแล้วความจริงจำนวนพลม้าที่ดาวิดยึดได้ เป็นเท่าไรกันแน่

       พระธรรม 1 พงศาวดาร 18:4 ว่า "และดาวิดทรงยึดรถรบจากท่านมา 1,000 คัน พลม้า 7,000 และทหารราบ 20,000..."

       พระธรรม 2 ซามูเอล 8:4 ว่า "และดาวิดทรงยึดพลม้า 1,700 คน ทหารราบ 20,000 คน..."

       พระธรรม 2 ซามูเอล 8:4 ฉบับคิงเจมส์ว่า "And David took from him a thousand chariots, and seven hundred horsemen, and twenty thousand footmen..." ("และ ดาวิดทรงยึดรถรบ 1,000 คัน พลม้า 700 คน ทหารราบ 20,000 คน...")

       หากเราจะว่าจำนวนเลขถูกต้องทั้งใน 1 พงศาวดาร และ 2 ซามูเอล นั่นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจะต้องมีอันหนึ่งถูกและอันหนึ่งผิดแน่นอน

       นักวิชาการพระคัมภีร์เห็นว่าจำนวนที่ถูกต้องคือพลม้า 7,000 คน ตามพระธรรม 1 พงศาวดาร 18:4 ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องอธิบายว่าทำไมพระธรรม 2 ซามูเอล จึงเป็น 1,700 คน และทำไมฉบับคิงเจมส์จึงเป็น 700 คน
?

       แต่ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ เราต้องพิจารณาดูคำแปลพระธรรม 2 ซามูเอล 8:4 นี้ตามตัวอักษรของฉบับฮีบรูอย่างเคร่งครัด คือ "และทรงยึด-ดาวิด-จากท่าน-หนึ่งพัน-และเจ็ด-ร้อย-พลม้า..."

       นักวิชาการพระคัมภีร์ชาวเยอรมันสองท่านคือ ไคล์ และเดลิทช์ อธิบายว่าคงจะเป็นความเผลอเรอของผู้คัดลอกพระคัมภีร์ที่ไม่ได้บันทึกคำว่า "รถรบ" กำกับที่คำ "หนึ่งพัน" (อนึ่ง ผู้แปลพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์คงจะคิดเห็นอย่างนั้นด้วย จึงใส่ "รถรบ" ลงไป แต่พิมพ์ไว้เป็นตัวเอน เพื่อแสดงว่าคำนี้ไม่มีในฉบับฮีบรู ดังนั้นพลม้าในฉบับคิงเจมส์จึงเป็นเจ็ดร้อย) นักวิชาการทั้งสองท่านยังกล่าวว่าผู้คัดลอกพระคัมภีร์คงจะแก้ไขจำนวนเลข จำนวนที่สองจาก "เจ็ด-พัน" ที่เห็นในต้นฉบับ 2 ซามูเอล เป็น "เจ็ด-ร้อย" ในฉบับคัดลอก ทั้งนี้เพราะผู้คัดลอกเห็นว่า ต้นฉบับคงจะผิดเพราะเป็นการเขียนจำนวนเลขที่ผิดจากธรรมดาคือ "และทรงยึด-ดาวิด-จากท่าน-หนึ่งพัน-และเจ็ด-พัน-พลม้า" ดังนั้นจึงแก้เพื่อให้อ่านเข้าใจได้

       แม้เราจะพบความจริงว่ามีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในการคัดลอกพระคริสตธรรมคัมภีร์ อยู่บ้าง แต่นี่ไม่ได้ทำให้เราเสื่อมความศรัทธาในพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงเนรมิต สร้างฟ้าและแผ่นดิน เพราะมนุษย์อาจทำพลาดได้ แต่ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงกำกับดูแลไม่ให้เกิดความพลาดในคำสอนหลักของ พระองค์ ดังนั้นจึงขอสนับสนุนให้คุณวันชัย และทุกคนอ่านพระคัมภีร์ เชื่อพระคัมภีร์ ทำตามพระคัมภีร์ และได้รับพระพรตามพระสัญญาที่มีในพระคัมภีร์ 


http://www.thaibible.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=100&Itemid=43

10 คำทำนายสะท้านโลก

"โลกนี้จะมีวันอวสานไหม?" "โลกนี้จะแตกไหม?" "สงครามนิวเคลียร์ล้างโลกจะเกิดขึ้นไหม?" คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่พวกเรามักได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ

พระคัมภีร์คริสเตียนได้บอกอย่างชัดเจน?ว่า "โลกนี้จะมีวันหนึ่งที่จะอวสาน" และการอวสาน(สิ้นสุดของโลก)ก็เกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์ด้วย

ทำไมการสิ้นสุดของโลกจึงเกี่ยวข้องกับพระเยซูคริสต์?

พระเยซูคริสต์ตรัสอย่างชัดเจนว่า "การเสด็จมาครั้งแรกของพระองค์ มาเพื่อกำจัดบาป (รับแบกบาปแทนมนุษย์) โดยการตายไถ่บาปบนไม้กางเขน"

หลังจากที่พระองค์ตายแล้ว 3 วัน พระองค์ก็ทรงฟื้นจากความตาย และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นนั้นพระองค์ได้ตรัสอีกว่า "ในไม่ช้าเราจะกลับมาอีก มาเพื่อรับคนที่สำนึกว่าตนเองเป็นคนผิดบาป และเชื่อในเรา ไปอยู่สวรรค์กับเรา แต่คนที่ปฏิเสธการช่วยเหลือจากเรา เขาก็ต้องพบกับการพิพากษาที่ยุติธรรมของเรา ตามผลการกระทำของเขาเอง"

แต่ด้วยความรักที่พระเยซูคริสต์มีต่อมนุษย์ พระองค์จึงได้ตรัสคำ ทำนาย 10 ประการ ไว้ล่วงหน้า เพื่อถ้ามนุษย์ได้เห็นคำทำนาย 10 ประการ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เขาจะได้กลับใจสำนึกในความผิดบาป และหันกลับมา หาพระเจ้าผู้ทรงสร้าง และรักเขา (ก่อนที่จะสายเกินไป ถ้าเหตุการณ์ 10 ประการนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ แสดงว่าโลกใกล้มาถึงจุดจบของมันแล้ว)

ผู้อ่านที่รัก 10 คำทำนายข้างล่างต่อไปนี้ ได้เกิดขึ้นจริงตาม ที่พระเยซูได้ทรงทำนายไว้แล้ว นั่นคือ...



คำทำนายประการที่ 1 
ประเทศอิสราเอลจะต้องรวมตัวกันเป็น ประเทศขึ้นมาใหม่ (มัทธิว 24:32-35)
ซึ่ง คนในประเทศนี้ ได้แตกกระจัดกระจายไปทั่วโลกถึง 2590 ปี มาแล้ว แต่เมื่อปี ค.ศ.1948 คือเมื่อสี่ถึงห้าสิบปีก่อน คนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่ว โลกนั้น ก็ได้กลับมารวมตัวเป็นประเทศอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งจนทุกวันนี้ ซึ่งเป็นจริงดังคำทำนายแล้ว.



คำทำนายประการที่ 2 
จะมีผู้ที่อ้างตัวว่า "ฉันคือพระเยซูคริสต์" (มัทธิว 24:5)
ซึ่ง พวกเราก็เห็นชัดในข่าวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ คือ นาย จิม โจนส์ และ นาย เดวิท โคเรซ ซึ่งอ้างตัวเป็นพระเยซูคริสต์ (ในอดีตไม่เคย มีคนมาอ้าง เพิ่งจะมีในยุคนี้ นั่นแสดงว่าโลกนี้ใกล้ถึงอวสานแล้วจริง ๆ)



คำทำนายประการที่ 3 
จะเกิดสงคราม กับข่าวลือเรื่องสงคราม (มัทธิว 24:6)
เริ่มตั้งแต่การประท้วง การขัดแย้งภายในประเทศ และลุกลามไปจนถึงสงครามโลก นับตั้งแต่ต้นศตวรรตที่ 20 นี้เป็นต้นมาได้เกิดสงครามโลกถึง 2 ครั้ง และข่าวลือสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ลือกันเรื่อย ๆ



คำทำนายประการที่ 4 
จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก (มัทธิว 24:7)
ซึ่งพวกเราก็ประจักษ์กันด้วยสายตาอยู่แล้ว และการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้งนั้น ก็ทวีความรุนแรง และกลืนชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นที่น่าสังเกตอย่างนึงก็คือ ประเทศที่ไม่เคยมีแผ่นดินไหว ก็เริ่มมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้ว เมืองไทยของเราก็เริ่มไหวเช่นกัน



คำทำนายประการที่ 5 
จะเกิดการกันดารอาหาร (มัทธิว 24:7)
เพราะการสงคราม และประชากรของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดินฟ้าอากาศ เริ่มแปรปรวน อากาศเป็นพิษ สภาพแวดล้อมเริ่มเสื่อมโทรม ปัจจุบันนี้มีคนมากกว่า ครึ่งโลกที่กำลังขาดอาหาร และปัจจุบันนี้ก็มีเด็กตายเพราะขาดอาหาร เฉลี่ยแล้ว วันละประมาณ 40,000 คนทั่วโลก



คำทำนายประการที่ 6 
จะมีคนสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย (มัทธิว 24:23-24)
คนเหล่านี้จะอ้างตัวว่า เขาสามารถช่วยคนให้รอดได้ และเขาเป็นพวกคริสเตียนแท้จริง แต่แท้จริงแล้วพวกเขาเหล่านี้ เป็นพวกสอนผิด พวกเขาจะล่อลวงคนให้เชื่อในพระคัมภีร์ คำสอน ซึ่งเป็นความคิดของมนุษย์ หรือเป็นคำสอนที่พวกเขาคิดขึ้นเอง คุณคงจะเคยเห็นมาบ้างแล้ว เช่น พวกแฟมิลี่ที่คอยจับเด็กที่มีปัญหาเพื่อขาย ตัวหาเงินเข้านิกาย หรือลัทธิโอมชินลิเคียว ที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ



คำทำนายประการที่ 7
จะมีโรคระบาด โรคร้ายที่รุนแรง และร้ายกาจเกิดขึ้นในโลก (ลูกา 21:11)
ปัจจุบัน นี้เราจะเห็นว่าโรคเอดส์ หรือ อีโบล่า กำลังกระจายไปทั่วโลก แม้แต่วงการ แพทย์เองก็หมดปัญญาในการรักษาหรือแก้ไขโรคเหล่านี้ได้



คำทำนายประการที่ 8 
ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น (ดาเนียล 12:4)
นี่ เป็นเรื่องจริงที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะความรู้ และความเจริญของคนในยุคนี้นั้น ก้าวหน้า และก้าวเร็วกว่าคนในอดีต หลายร้อย หลายพันเท่า



คำทำนายประการที่ 9 
ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น (มัทธิว 24:12) (2 ทิโมธี 3:1-5)
การ ล่วงประเวณี การกระทำผิดเรื่องเพศ การหย่าร้าง กำลังเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม การอกตัญญูต่อพ่อแม่ การทำให้พ่อแม่เสียใจเป็นเรื่องปกติ การฆ่ากัน การทะเลาะวิวาท จะเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม คนเราจะยิ่งนับถือศาสนา แต่เปลือกนอก แต่แก่นแท้ของศาสนานั้นเขากลับปฏิเสธ นี่กำลังแสดงให้เห็นว่า ความผิดบาปกำลังทวีความรุนแรงมากจริง ๆ



คำทำนายประการที่ 10 
ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ จะต้องกระจายไปทั่วโลก แล้ววาระสุดท้ายของโลกก็จะมาถึง (มัทธิว 24:14)
ซึ่ง วันนี้เราก็เห็นแล้วว่า ข่าวประเสริฐเรื่อง พระเยซูคริสต์นั้นกำลังแพร่กระจายออกไปทั่วโลกจริง นั่นแสดงว่าโลกของเรากำลัง จะใกล้ถึงที่สุดของมันแล้ว



หลัง จากคำทำนายทั้ง 10 ประการ ได้สำเร็จแล้ว วันนั้นโลกของเราใบนี้จะต้อง ถูกเผาผลาญด้วยไฟบรรลัยกัลป์ และหลังจากนั้นดวงตาทุกคู่ของมนุษย์ จะได้เห็นการพิพากษาอันเที่ยงธรรมของพระเยซูคริสต์ (2เปโตร 3:10)

ท่าน ผู้อ่านที่รัก บัดนี้ท่านได้เห็นแล้วว่า คำทำนาย 10 ประการ ของพระเยซูคริสต์ ได้สำเร็จไปแล้ว 9 ประการ และขณะนี้พวกเรากำลังอยู่ในคำทำนายประการที่ 10 คือ การได้ยินข่าวประเสริฐ นั้นแสดงว่าพระเยซูคริสต์ใกล้ที่จะเสด็จมาครั้งที่ 2 แล้ว วันที่พระองค์จะทรงพิพากษามนุษย์นั้นก็ใกล้เข้ามาเช่นกัน

สำหรับคน เหล่านั้นได้ รับการยกโทษบาปจากพระองค์แล้ว เขาไม่กลัวกับการพิพากษาที่กำลังจะมา แต่สำหรับผู้ที่มีความผิดบาปซ่อนอยู่อย่างมากมายในชีวิต เขาก็จะต้องได้รับการพิพากษา และรับโทษตามการกระทำของเขา และต้องอยู่ในนรกเป็นนิตย์



อ.นิกร สิทธิจริยาภรณ์

www.ccma.i-p.com