คนกลุ่มต่างๆ ในพระคัมภีร์

ฟาริสี





สะดูสี





ธรรมาจารย์





เอสซีน





พรรคชาตินิยม





กลุ่มเฮโรด

เราถูกสร้างมาให้เป็นเหมือนพระคริสต์


โรม 8.29 ทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์

โคโลสี 1.15 พระคริสต์ทรงเป็นพระฉายาของพระเจ้าผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง

เราทุกคนถูกสร้างมาให้เหมือนพระคริสต์...ตั้งแต่เริ่มแรกแผนการของพระเจ้าคือการสร้างให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์ นี่คือจุดหมายในการเติบโตฝ่ายวิญญาณของเรา พระเจ้าสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์ (ปฐก.1.26)

ในบรรดาสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด มนุษย์เท่านั้นที่ถูกสร้าง ตามพระฉายาของพระเจ้านี่เป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่...เมื่อถูกสร้างตามพระฉายาของพระเจ้า เราจึงเป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับพระเจ้า วิญญาณของเราไม่มีวันเสื่อมสลาย เรามีสติปัญญา เราสามารถคิด ใช้เหตุผลและแก้ปัญหา เราสามารถมีความสัมพันธ์ มีความรัก ที่สำคัญคือ เรามีจิตสำนึกทางศีลธรรม สามารถแยกแยะถูกผิด ซึ่งทำให้เราต้องรับผิดชอบต่อพระเจ้า...แต่เมื่อบาปเข้ามาในโลก ทำให้คุณสมบัติของมนุษย์เสียหาย และเสื่อมลง ดังนั้น พระเยซูคริสต์จึงเสด็จลงมาในโลกเพื่อมารื้อฟื้นพระฉายาในเราสูญเสียไปให้สมบูรณ์

พระฉายาที่สมบูรณ์ของพระเจ้านั้น ก็คือเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์...ผู้คนมักจะพูดว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ...ลูกๆ อาจมีสิ่งที่เหมือนพ่อแม่...เราทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า ...พระองค์ต้องการให้เราทุกคนมีลักษณะเหมือนพระองค์เช่นกัน

เอเฟซัส 4.24 และให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง

พระเจ้าต้องการให้เราเป็นเหมือนพระองค์ แต่ไม่ใช่เป็นพระเจ้า...พระเจ้าไม่ได้หมายความว่าให้เรากลายเป็นพระเจ้า แต่พระองค์ต้องการให้เราดำเนินในทางของพระเจ้า รับค่านิยม ท่าที ลักษณะนิสัยจากพระองค์

เอเฟซัส 4.22 ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง

พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา ไม่ใช่ความสบาย แต่เป็นการสร้างชีวิตใหม่ พระองค์ต้องการให้เราเติบโตฝ่ายวิญญาณ และเป็นเหมือนพระคริสต์

พระเจ้าต้องการให้เราพัฒนาชีวิตของเราตามพระวจนะของพระองค์ เรื่องผลของพระวิญญาณ ความรัก ชีวิตที่เกิดผล...เราอาจจะสงสัยว่า ทำไมสิ่งนี้เกิดขึ้นกับฉัน ทำไมฉันถึงลำบากขนาดนี้ คำตอบหนึ่งก็คือ ชีวิตควรจะลำบาก เพราะความยากลำบากทำให้เราเติบโต...

พระคัมภีร์เปรียบเทียบการเติบโตฝ่ายวิญญาณกับเมล็ด อาคาร และทารกที่เติบโต...เมล็ดต้องมีคนปลูกและดูแล...ตึกต้องมีคนสร้าง...ทารกก็ต้องกินนมเพื่อจะเติบโต...พระคัมภีร์หลายตอนกล่าวไว้ว่า จงเพียรพยายาม เพื่อจะเติบโตเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์...เราไม่อาจนั่งเฉยๆและให้มันเติบโตขึ้นเองได้

ท่านเปาโลอธิบายในเอเฟซัส 4.22-24 ถึงสิ่งที่เราต้องทำเพื่อที่จะเป็นเหมือนพระคริสต์

1.เราต้องตัดสินใจทิ้งวิถีชีวิตเก่าๆ... ท่านจงทิ้งตัวเก่าของท่าน ซึ่งคู่กับวิถีชีวิตเดิมนั้นเสีย อันจะเสื่อมเสียไปสู่ความตายตามตัณหาอันเป็นที่หลอกลวง (อฟ.4.22)

2.เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดของเรา... และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ (อฟ.4.23) ... พระคัมภีร์กล่าวว่า เราต้อง รับการเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนความคิด โรม 12.2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม

3.เราต้อง สวม ลักษณะของพระคริสต์ โดยการฝึกดำเนินชีวิต ความประพฤติ นิสัย ในทางของพระเจ้า ให้ท่านสวมสภาพใหม่ ซึ่งทรงสร้างขึ้นใหม่ตามแบบอย่างของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง(อฟ.4.24)

พระเจ้าทรงใช้พระวจนะของพระองค์ ผู้คนรอบข้างเรา และสถานการณ์เพื่อสร้างชีวิตของเรา ... การพัฒนาชีวิตของเราจะขาดทั้ง 3 สิ่งนี้ไม่ได้ ...ถ้าเราศึกษาและประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้า...พบปะพี่น้องผู้เชื่อและผู้ไม่เชื่ออย่างสม่ำเสมอ...และเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าในทุกสถานการณ์...รับประกันว่า เราจะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น

มีหลายศาสนาถือว่า คนที่เติบโตในฝ่ายวิญญาณและบริสุทธิ์ที่สุด คือ คนที่ปลีกตัวจากผู้อื่นไปอยู่ในป่า อยู่บนยอดเขา ...แต่นี่ไม่ใช่วิธีการของพระเจ้า...การเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณไม่ใช่การพยายามไขว่คว้าด้วยตัวเองตามลำพัง...เราไม่สามารถเติบโตเป็นเหมือนพระคริสต์ได้โดยการอยู่สันโดษ แต่เราต้องอยู่กับคนอื่นและมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย

มัทธิว 5:14-16 ท่านทั้งหลาย เป็นความสว่าง ของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้ เมื่อจุดตะเกียงแล้วไม่มีผู้ใดเอาถังครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านนั้น ทำนองเดียวกันพวกท่านจงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นความดีที่ท่านทำ พวกเขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์

เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรและชุมชน เพราะชีวิตของเราทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความรัก คือ รักพระเจ้า และรักผู้อื่น ...เราต้องตัดสินใจทวนกระแส เพื่อจะมุ่งมั่นในการเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น...

อฟ.4.14-15 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์

พระเจ้าต้องการให้เราเติบโต ...เป้าหมายที่พระบิดาในสวรรค์มีไว้สำหรับเรา คือ การเติบโตและพัฒนาชีวิตให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์ ...แต่มีเรื่องน่าเศร้าหากเราที่เป็นผู้เชื่อที่อายุมากขึ้นทุกวันๆ แต่ไม่ได้โตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ และยังเป็นทารกฝ่ายวิญญาณ โดยยังใส่ผ้าอ้อมและถุงเท้าทารก...ซึ่งการเป็นทารกฝ่ายวิญญาณนี้เกิดจาก การไม่ตั้งใจที่จะเติบโตจริงๆ

การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่ต้องมีความตั้งใจที่จะอุทิศตัว...ต้องปรารถนาที่จะเติบโต ตัดสินใจ ออกแรง เพียรพยายาม...การอุทิศตัวสามารถกำหนดชีวิตเราได้ ถ้าเราอุทิศทุ่มเทเพื่อสิ่งใด เราก็สามารถเดาได้ว่าอนาคตข้างหน้าเราจะเป็นอย่างไร เพราะเราจะเปลี่ยนแปลงเหมือนสิ่งที่เราอุทิศตัวให้เรื่องการทุ่มเทอุทิศตัว สามารถพัฒนาหรือทำลายชีวิตของเราได้ ถ้าเราเลือกทางผิด...บางคนกลัวการอุทิศตัวเพื่อบางสิ่งบางอย่าง จึงใช้ชีวิตปล่อยปละละเลยไปเรื่อยๆ ...บางคนอุทิศตัวเพื่อเป้าหมายฝ่ายโลก เช่น จะต้องเป็นเศรษฐี ชื่อเสียง และลงเอยด้วยความผิดหวัง...

เมื่อเราตัดสินใจที่จะจริงจังกับการเป็นเหมือนพระคริสต์ เราต้องเริ่มประพฤติแตกต่างจากเดิม ทิ้งกิจวัตรเก่าๆบางอย่าง ฝึกอุปนิสัยใหม่บางอย่าง และเปลี่ยนวิธีคิด ...ถ้าจะเปลี่ยนแปลงชีวิต เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิด เพราะเบื้องหลังการกระทำของเราทั้งสิ้น ก็คือ ความคิด พระเจ้าทรงเปิดเผยสิ่งนี้มานานแล้วเป็นเกือบ 3000 ปี ก่อนที่นักจิตวิทยาจะเข้าใจเรื่องนี้ สภษ.4.23 จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ

การที่เราจะเติบโตฝ่ายวิญญาณ คือ การเริ่มต้นเปลี่ยนวิธีคิด (โรม 12.2)

และการเปลี่ยนความคิดนี้เอง ที่พระคัมภีร์เรียกว่า การกลับใจใหม่ ซึ่งในภาษากรีกมีความหมายตามตัวอักษรว่า การเปลี่ยนความคิด

...ผู้ที่เชื่อที่พระเยซูคริสต์ ได้รับคำสั่งให้ คิดเหมือนพระเยซู

(ฟป.2.5) ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์

Have this mind among yourselves, which is yours in Christ Jesus.

1 คร. 14.20 พี่น้องทั้งหลาย ความคิดของท่านอย่าให้เป็นอย่างเด็ก ในเรื่องความชั่วร้ายจงเป็นอย่างทารก แต่ฝ่ายความคิดจงให้เป็นอย่างผู้ใหญ่

ทุกวันนี้ บางคนอาจคิดว่าความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณนั้น วัดจากปริมาณความรู้พระคัมภีร์...จริงอยู่ที่ความรู้เป็นมาตรฐานวัดอย่างหนึ่งของความเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด...ชีวิตคริสเตียนไม่ได้มีแค่หลักความรู้ในพระคัมภีร์ แต่ชีวิตคริสเตียนคือ การประพฤติ ลักษณะนิสัย การกระทำของเรา ที่สอดคล้องกับความรู้ในพระคัมภีร์ การกระทำที่สอดคล้องกับความเชื่อ ...โดยที่ความเชื่อของเรา ต้องมีความประพฤติที่เหมือนพระคริสต์

ความเชื่อคริสเตียนไม่ใช่ศาสนา หรือปรัชญา หรือแค่ความรู้ แต่เป็นวิถีการดำเนินชีวิต และการสำแดงออกในชีวิตของเราที่สำคัญที่สุดคือ ความรัก กท.5.6 ความเชื่อซึ่งแสดงออกเป็นการกระทำด้วยความรักนั้นสำคัญ

1 คร.13.13 ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด

การที่เรามีความรัก คือความรักที่มีต่อพระเจ้า และต่อผู้อื่น คือหัวใจของการเป็นเหมือนพระคริสต์ และเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดของการเติบโตฝ่ายวิญญาณ ...การคิดและการประพฤติเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทวนกระแส หายาก และทำยาก...แต่เราได้รับความช่วยเหลือ คือ เราทั้งหลายไม่ได้รับวิญญาณของโลก แต่ได้รับพระวิญญาณซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อเราทั้งหลายจะได้รู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่พระเจ้าได้ทรงโปรดประทานแก่เรา-- 1 คร.2.12