ความรอด ชัดเจนและเรียบง่าย
เขียนโดย Padunkiaet Vejvechaneyom
““ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้ 22 เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนจำนวนมากร้องแก่เราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ได้เผยพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้ทำการแห่งฤทธานุภาพมากมายในพระนามของพระองค์ไม่ใช่หรือ?’ 23 เมื่อนั้นเราจะกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’” (มัทธิว 7:21-23)
1. ผู้เชื่อที่เชื่อในพระคริสต์อย่างแท้จริง ไม่มีวันสูญเสียความรอด เราจะเข้าใจได้ดีขึ้นโดยอ่านพระธรรมยอห์นซึ่งเป็นพระธรรมกิตติคุณ (Gospel) ที่เขียนหลังสุดในเวลาถัดมาเพื่อเตือนคริสเตียนรุ่นลูกรุ่นหลาน เนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไป มีคำสอนเท็จและวิญญาณเท็จเข้ามามากมาย สอนสิ่งที่ตรงข้ามกับความจริง ขอให้เราอ่านพระธรรมยอห์นประกอบบางข้อดังนี้
"เพื่อทุกคนที่วางใจ ("pisteuōn en" หรือแปลว่า "เชื่อใน หรือ เชื่อบน") พระองค์จะได้ชีวิตนิรันดร์”" (ยอห์น 3:15)
"พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย คนที่วางใจใน ("pisteuōn eis" หรือแปลว่า "เชื่อใน") เราจะมีชีวิตอีกแม้ว่าเขาจะตายไป" (ยอห์น 11:25)
"เราเข้ามาในโลกเป็นความสว่าง เพื่อทุกคนที่วางใจใน (pisteuōn eis" หรือแปลว่า "เชื่อใน") เราจะไม่อยู่ในความมืด" (ยอห์น 12:46)
"แต่การที่บันทึกเหตุการณ์เหล่านี้ไว้ ก็เพื่อพวกท่านจะได้เชื่อว่า (pisteuēte) พระเยซูเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และเมื่อมีความเชื่อแล้ว (pisteuontes) ท่านก็จะมีชีวิตโดยพระนามของพระองค์" (ยอห์น 20:31)
สังเกตุว่าในแต่ละข้อที่ยกมา ใช้คำศัพท์กรีกคำเดียวกัน คือ คำว่า pisteuō (เชื่อ วางใจ)
2. “ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัย (thelēma) พระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้”
ขอให้เปรียบเทียบกับพระธรรมยอห์น 6:40 ที่กล่าวดังนี้
“เพราะนี่แหละ เป็นพระประสงค์ (thelēma) ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”” (ยอห์น 6:40)
สังเกตุวลี "ปฏิบัติตามพระทัย (thelēma)" ใช้ศัพท์คำเดียวกันกับวลี "พระประสงค์ (thelēma)"
ดังนั้น การปฏิบัติตามพระทัยหรือพระประสงค์ (thelēma) ของพระเจ้าพระบิดา คือ ให้ทุกคนที่เห็นพระเยซูคริสต์พระบุตรและวางใจหรือเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร์ และพระเยซูคริสต์เองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
3. “ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์”
หลายคนประกาศพระคริสต์เพราะอย่างอื่น หลายคนเชื่ออย่างผิดๆ หลายคนหลงผิดขับผีเพราะฤทธิ์อำนาจอื่น (สำเร็จหรือไม่สำเร็จเราไม่รู้ได้ หลอกลวงกัน) หลายคนทำการอัศจรรย์โดยอำนาจอื่น (ซาตาน) หลายคนเคร่งครัดในธรรมบัญญัติแบบฟาริสี (legalism) โดยไม่เข้าใจว่าความรอดได้มาโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า โดยไม่เกี่ยวกับการกระทำ (ในตอนแรกสุด) (รอดแล้วเพื่อการดี....เป็นบำเหน็จและคำชม) หลายคนสอนว่าต้องทำดีจึงจะรอด (ซึ่งต้องดีไร้ข้อผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งเป็นไปไม่ได้)
ตามบริบท จึงหมายถึง "พวกที่ไม่รอดแต่แรก" เป็นพวกที่ขับผีทำการอัศจรรย์ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า เป็นพวกผู้เผยเท็จที่มาเหมือนสุนัขหมาป่านุ่งห่มแกะ (มัทธิว 7:15) เป็นพวกฟาริสีสอนเท็จ สอนหลักศาสนศาสตร์ที่ผิดพลาด
4. “‘เราไม่เคย (oudepote = never) รู้จักพวกเจ้าเลย เจ้าผู้ทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’””
วลี "ไม่เคยรู้จัก" แสดงว่า พวกนี้ไม่รอดแต่แรกแล้ว ไม่ใช่คนที่พระเยซูคริสต์เคยรู้จักหรือรอดแล้ว แต่พระเยซูคริสต์ไม่เคยรู้จักคนพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไร
วลี "เจ้าผู้ทำ (ergazomenoi)(working) ความชั่ว" บ่งบอกว่าพวกนี้ทำสิ่งที่ผิดอยู่เป็นประจำ
5. ดูสิ่งที่เปาโลกับสิลาสกล่าวกับนายคุก ดังนี้
"เปาโลกับสิลาสจึงกล่าวว่า “จงวางใจใน (pisteuson epi หรือ เชื่อใน) พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วท่านและครอบครัวจะได้รับความรอด”" (กิจการ 16:31)