คริสเตียน เป็นมังสวิรัติ ??? (บทความขำขัน และมั่วนิ่ม)

ขอให้ท่านทั้งหลาย อ่านบทความมั่วนิ่ม ที่บิดเบือนความเชื่อของศาสนาคริสต์
โดยตัวหนังสือของบทความจะเป็นสีดำ  ส่วนตัวหนังสือที่ใช้โต้แย้ง จะเป็นสีน้ำเงิน
ผมจะชี้แจงให้ท่านผู้อ่าน (บางประการเท่านั้น...เท่าที่ผมมีเวลาจะตอบ) 
เพื่อให้เข้าใจว่า บทความนี้ ได้บิดเบือนศาสนาคริสต์อย่างไรบ้าง

ยุคมังสวิรัติ

รากฐานของศาสนาคริสต์ คือ ความเมตตากรุณาของการเป็นมังสวิรัติ


โดยทีมข่าวสหรัฐอเมริกา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ)

จากหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์และงานวิชาการคริสเตียน หลายคน พระเยซูคริสต์ และชาวคริสเตียนสมัยแรก ๆ เป็นมังสวิรัติ

เป็น ที่เชื่อกันว่า พระเยซูเป็นชาวนาซาเร็นส์ สมาชิกนิกายสันโดดในปาเลสไตน์โบราณ ที่อาศัยอยู่ใกล้กับภูเขาคาร์เมลในอิสราเอล (ชาวเอซเซนนีส) สมาชิกกลุ่มนี้นุ่งขาวและทานมังสวิรัติ

ตามประวัติศาสตร์ของโบสถ์ใน ศตวรรษที่ 4 อิพิพาเนียส นักปรัชญาชาวยิว ฟิลโล ชาวเอ็สเซ็น ที่เป็นยิวผู้ซึ่งถือปฏิบัติตามแบบชาวยิวทั้งหลาย แต่ไม่กระทำรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตทั้งมวล และเห็นว่าการทานเนื้อสัตว์หรือบูชายัญด้วยสัตว์เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง พระเยซูท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ พระเยซูน่าจะต้องเป็นนักมังสวิรัติ เหมือนกับพี่ชาย เจมส์(จาคอบ) และลูกศิษย์ทุกคนของพระองค์

คัมภีร์ หลักของชาวเอซเซ้นซ คือ คำสอนของพระเยซู ในสิบสองคำสอนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันคือ คำสอนของพระเยซูแห่งแนสอะเร็นนี้คือคำสอนของพระเยซูที่กล่าวไว้ครั้งแล้ว ครั้งเล่า อธิบายและถูกยกมาอ้างถึงโดยผู้เขียนข้อสังเกตของโบสถ์ในศตวรรษที่ 1 อย่างไรก็ตาม คัมภีร์โบราณนี้ถูกเก็บหายไปหลายศตวรรษในอารามทิเบตและถูกค้นพบใหม่เมื่อปี 2431 ทั้งหมดหลายคนเป็นคุณพ่อของโบสถ์สมัยแรก ๆ ที่คนเคารพนับถือ พอ ๆ กับจำนวนของนักศึกษาที่น่าประหลาดใจทุกวันนี้ ที่ได้เปิดเผยว่าคำสอนของพระเยซูในสิบสองศักดิ์สิทธิ์เป็นคำสอนศักดิ์สิทธิ์ ต้นฉบับที่หายไปเป็นเวลานานตามประวัติของนักบุญ คำสอนของพระเยซูนี้ถูกเขียนรวบรวมขึ้นโดยผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ครั้งแรก จำนวนสิบสองคนอย่างทันทีหลังจากที่พระคริสต์สิ้นพระชนม์ และมันคือคัมภีร์ซึ่งทั้งหมดของไบเบิ้ลที่เกี่ยวกับประวัติของพระเยซูถูกนำ มาอ้างเป็นหลักฐาน ดังนั้น มันจึงปรากฏในคำแปลในพระคริสต์ธรรมใหม่ว่าของพระเยซูเป็นนักมังสวิรัติที่ เคร่งครัดด้วย

พระคริสต์ธรรมใหม่ในปัจจุบัน มีเรื่องเกี่ยวกับพระเยซูให้ขนมปังและปลาแก่คน 5,000 คน (Mark 6:31-34) และที่ปรากฏเห็นเรื่องดังกล่าวจากคำสอนของพระเยซูในสิบสองคำสอนศักดิ์สิทธิ์ ว่า อาหารนั้นมีเพียงขนมปังและองุ่นเท่านั้น ไม่มีปลา พระเยซูเลี้ยงคน 5,000 คน ด้วยขนมปัง 6 ก้อน และองุ่น 7 พวง

(คำสอนของพระเยซูสิบสองคำสอนศักดิ์สิทธิ์ เลคชั่น XXIX 1:8)

1. และพิธีฉลองวันเป็นอิสระของชาวยิวจากอียิปต์ใกล้เข้ามา ผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์และผู้ติดตามได้รวมตัวกันต่อพระเยซูและบอกพระองค์ทุก สิ่ง ทั้งสิ่งที่พวกเขาได้ทำและที่พวกเขาคิด และพระองค์พูดว่า "มา พวกเธอที่ต่างมายังทะเลทราย และนั่งพักสักครู่" สำหรับผู้ที่กำลังมาและกำลังไปจำนวนมาก และเขาไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะรับประทาน

2. และเขาออกเดินทางมาที่ทะเลทรายโดยเรืออย่างสันโดษ และประชาชนต่างก็เห็นการออกเดินทางไปของพวกเขา และหลายคนรู้จักเขา และสาวเท้าหนีออกมาจากเมืองทั้งหลาย และ ไปจากพวกเขา และมารวมกันต่อหน้าพระพักตร์

3. และพระเยซู เมื่อพระองค์ออกมา เห็นประชาชนจำนวนมากและเสด็จตรงไปยังพวกเขาด้วยความเมตตา เพราะพวกเขาเหมือนลูกแกะที่ไม่มีผู้ดูแล

4. และวันที่ถูกใช้ไป ลูกศิษย์มาหาพระองค์และพูดว่า "ที่นี่เป็นทะเลทราย และเวลาก็ผ่านไปมาก ส่งเขาไป ที่ ๆ เขาอาจไปยังชนบท ไปยังหมู่บ้านรอบ ๆ และหาซื้อขนมปังสำหรับตัวเอง เพราะไม่มีอะไรจะกิน"

5. พระองค์พูดกับพวกเขาว่า "เธอให้อะไรเขาไปกิน" และพวกเขาพูดกับพระองค์ว่า "พวกเราจะไปและซื้อขนมปังสักสองร้อยเพนนี และให้เขากินกันได้มั้ย?

6. พระองค์พูดกับพวกเขาว่า "เธอมีกี่ก้อนล่ะ? ไปและดู" และเมื่อเขารู้ เขาพูดว่า "หกก้อนและองุ่นเจ็ดพวง" และพระองค์สั่งเขาให้ทำให้คนทั้งหมดนั่งลงเป็นกลุ่ม 50 กลุ่มบนสนามหญ้า และพวกเขานั่งแถวหน้ากระดานเป็นร้อย ๆ 50 แถว

7. และพระองค์ก็หยิบขนบปังหกก้อนและองุ่นเจ็ดพวง และพระองค์มองขึ้นบนสวรรค์ และให้พร และก็แบ่งขนมปังและองุ่นด้วย และให้มันแก่พวกลูกศิษย์ของพระองค์ที่อยู่ตรงหน้า และพวกเขาก็แบ่งต่อ ๆ กันจนครบทุกคน

8. และพวกเขาก็รับประทานกันจนอิ่ม และก็ถือตระกร้าหกใบที่เต็มไปด้วยเศษอาหารที่เหลือ และพวกเขาก็ได้รับประทานขนมปังและผลไม้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ทั้ง 5,000 คน และพระองค์ก็สอนพวกเขาหลายอย่าง

หลักฐานนี้บ่งบอกถึงเรื่องราวที่กล่าวถึงการเลื้ยงผู้คนจำนวนมากนั้นไม่เกี่ยวกับปลา

มี อีกหลายตอนที่นับไม่ถ้วนในพระคัมภีร์สิบสองศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระเยซูได้สอนพวกเราให้รักสัตว์และไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ยกตัวอย่างเช่น

มีบางคนพูดว่า "ชายคนนี้ห่วงใยสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย พวกนั้นเป็นพี่น้องกับเขาหรือ เขาจึงต้องรักพวกนั้น?" แล้วพระเยซูจึงบอกว่า "พวกนี้คือเพื่อนที่มีชีวิตของเธอและของครอบครัวใหญ่ของพระเจ้า ใช่แล้ว พวกเขาเป็นพี่น้องของเธอซึ่งมีลมหายใจแห่งชีวิตในนิรันดร์เช่นเดียวกับเธอ ใครก็ตามที่รักห่วงใยอย่างน้อยหนึ่งในพวกนี้ และให้อาหารและน้ำเมื่อมันหิว ก็เหมือนกับได้กระทำให้แก่ฉัน ใครที่เจตนาให้มันต้องเจ็บปวดทรมาน ไม่ปกป้องเมื่อมันถูกกระทำอย่างชั่วร้าย ก็เหมือนได้กระทำชั่วร้ายแก่ฉันเช่นกัน สำหรับสิ่งที่เธอได้กระทำในชาตินี้ เธอก็จะถูกกระทำในชาติต่อไป (Lection XXXIV, 9-10)

และอีกครั้งมีคน ถามว่า "ถ้ามีใครซึ่งรับประทานเนื้อสัตว์และดื่มเหล้าอย่างหนักมาหาเรา เราจะทำอย่างไร?" พระเยซูได้กล่าวกับเขาว่า "ปล่อยให้คนแบบนั้นทนอยู่ที่ลานข้างนอกจนกว่าพวกเขาได้ชำระตัวเองจากสิ่ง ชั่วร้ายหยาบช้าเหล่านั้น จนกว่าพวกเขาจะเข้าใจและสำนึกผิดสิ่งเหล่านี้ พวกเขาไม่เหมาะที่จะได้รับรู้ความลับระดับที่สูงกว่า (Lection XCI, 8)

"เธอ จงอย่าคร่าเอาชีวิตใด ๆ ของสิ่งสร้างจากพระเจ้าไปเพื่อความสุขสบายของ ทั้งไม่ทำเพื่อประโยชน์ของเธอ ทั้งต้องไม่ทรมานมัน" (Lection XLVI, 10)

"เธอ จงอย่ารับประทานเนื้อสัตว์ หรือดื่มเลือดของสิ่งมีขีวิตใด ๆ ที่ถูกฆ่า รวมทั้งไม่รับเอาสิ่งใด ๆ ที่ทำความยุ่งเหยิงให้แก่สุขภาพและประสาทของเธอ" (Lection XLVI, 12)

"เธอจงทะนุถนอมและปกป้องผู้ที่อ่อนแอ และเหล่าผู้ที่ถูกกดขี่ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ทุกข์ทรมานจากความอยุติธรรม(Lection XLVI, 18)

พระ คัมภีร์อีกเล่มหนึ่ง พระคัมภีร์เอสเซนแห่งสันติภาพได้ถูกค้นพบเมื่อปี 2466 ในที่เก็บเอกสารลับของสำนักวาติกัน ต่อไปนี้คือบางตอนของคำสอนที่พระเยซูได้แบ่งปันให้กับชาวเอสเซน คัดมาจากพระคัมภีร์นี้

'เธอจงอย่าฆ่า' เพราะชีวิตถูกมอบให้แก่สรรพสัตว์โดยพระเจ้า และชีวิตที่พระเจ้าได้มอบให้นั้น ห้ามมนุษย์คร่าเอาไปเสีย ฉันบอกความจริงแก่เธอ ชีวิตทั้งหมดบนโลกนี้มาจากแม่เดียวกันเท่านั้นที่สร้างมา ดังนั้น ผู้ที่ฆ่า คือฆ่าพี่น้องของเขา และเขาจะถูกแม่แห่งโลกเบือนหน้าหนี และถูกทิ้งออกจากเต้านมแม่โดยเร็ว และเขาจะถูกรังเกียจจากทูตสวรรค์ แล้วซาตานจะเข้าอยู่ในร่างกายของเขา และเลือดเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ในร่างกายของเขาจะกลายเป็นหลุมฝังศพของ เขา ฉันบอกความจริงแก่เธอ คนที่ฆ่า เขาฆ่าตัวเขาเอง และใครที่กินเลือดเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่า เขาก็กินร่างกายของศพ แล้วทุกหยดเลือดของสัตว์เหล่านั้นจะกลายเป็นพิษอยู่ในเลือดของเขา ลมหายใจของเขาจะเน่าเหม็นจากกลิ่นของสัตว์เหล่านั้น ในเลือดเนื้อของเขาจะเดือดพล่านด้วยเลือดเนื้อจากสัตว์เหล่านั้น กระดูกของเขาถูกป่นเหมือนกระดูกของสัตว์เหล่านั้น ในท้องของเขาเน่าเปื่อยเหมือนท้องของสัตว์เหล่านั้น ตาของเขาเป็นสะเก็ดเหมือนตาของสัตว์เหล่านั้น ในหูของเขาจะมียางเหนียวไหลออกมาเหมือนหูของสัตว์เหล่านั้น และความตายของพวกนั้นจะกลายเป็นความตายของเขา (Book 1)

อย่าฆ่า ทั้งไม่กินเลือดเนื้อของเหยื่ออันบริสุทธิ์ของเธอ มิฉะนั้นเธอจะกลายเป็นทาสของซาตาน แล้วนั่นคือหนทางของความทุกข์ทรมานและมันนำไปสู่ความตาย ให้ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า แล้วทูตสวรรค์ของพระองค์จะมารับใช้เธอตลอดชีวิตของเธอ ดังนั้น จงเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้าที่บอกว่า "จงดู ฉันได้ให้พืชสมุนไพรทุกชนิดเกิดมีเมล็ด ซึ่งจะงอกงามอยู่ทั่วพื้นผิวโลก และต้นไม้ทุกชนิดที่มีผลซึ่งเมล็ดจะงอกเงยเป็นต้นอ่อน เหล่านี้จะเป็นอาหารของเธอ และสัตว์ทุกตัวของโลกนี้ สัตว์ปีกทุกตัวในอากาศ และสัตว์ทุกตัวที่เลื้อยคลานอยู่บนโลก ซึ่งมีลมหายใจแห่งชีวตอยู่ภายใน ฉันได้ให้พืชสมุนไพรทุกชนิดเป็นอาหาร (Book 1)

แต่ฉันขอบอกเธอว่า ห้ามฆ่ามนุษย์หรือสัตว์หรือกระทั่งอาหารที่เข้าไปในปากของเธอ เพราะถ้าเธอรับประทานอาหารที่มีชีวิตอยู่ ผลลัพธ์ที่เหมือนกันจะเกิดแก่เธอโดยเร็ว ถ้าเธอฆ่ามาเป็นอาหารของเธอ อาหารที่ตายนั้นจะฆ่าเธอเช่นกัน เพราะชีวิตมาจากชีวิต และความตายย่อมมาจากความตาย สำหรับทุกสิ่งที่ถูกฆ่ามาเป็นอาหารของเธอ ก็ฆ่าชีวิตของเธอเช่นกัน และทุกสิ่งที่ฆ่าร่างกายของเธอก็ฆ่าวิญญาณของเธอด้วยเช่นกัน แล้วร่างกายของเธอจะกลายเป็นเหมือนเช่นอาหารที่เธอรับประทาน กระทั่งจิตวิญญาณของเธอก็เช่นเดียวกันจะกลายเป็นเหมือนความคิดของเธอ (Book 1)



ทำไมคำสอนบางอย่างของพระเยซูในคัมภีร์เอสเซนจึงต่างไป หรือถูกแก้ไขจากไบเบิ้ล? ทำไมคริสต์ศาสนาในเวลาต่อมาจึงละทิ้งรากฐานแห่งการเป็นมังสวิรัติของมัน ตามที่สตีเวน โรเซน ได้เขียนในหนังสือของเขา อาหารสำหรับจิตวิญญาณ "พระสงฆ์ชาวคริสต์ในระยะแรกยึดมั่นอยู่ในระบบของการไม่รับประทานเนื้อ สัตว์...ชาวคริสเตียนยุคแรกหลาย ๆ กลุ่มสนับสนุนวิถีชีวิตแห่งการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ การบันทึกของโบสถ์คริสต์ในยุคต้นบ่งชี้ว่าการรับประทานเนื้อสัตว์ไม่ได้รับ การอนุญาตเป็นทางการ จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 4 เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินได้ตัดสินใจว่า คัมภีร์ศาสนาคริสต์ฉบับแปลของเขาควรจะเป็นคัมภีร์สำหรับทุก ๆ คน ดังนั้น การอธิบายการรับประทานเนื้อสัตว์ในไบเบิ้ลจึงกลายเป็นลัทธิที่เป็นทางการของ จักรวรรคิโรมัน แล้วชาวคริสต์ที่เป็นมังสวิรัติต้องปฏิบัติอย่างลับ ๆ หรือเสี่ยงต่อการถูกฆ่า เพราะความเห็นนอกรีต มีการกล่าวว่า คอนสแตนตินใช้ตะกั่วเหลวเทใส่คอพวกเขาถ้าถูกจับได้"

บางกลุ่มที่ อ้างว่าได้รับการสืบทอดการปฏิบัติทางจิตวิญญาณจากเอสเซนโบราณ และสมาชิกในกลุ่มที่แสดงตัวว่าเป็นชาวเอสเซน ซึ่งได้เขียนหนังสือ 27 เล่มที่พวกเราเรียกกันในปัจจุบันว่าพระคริสต์ธรรมใหม่ และกระทั่งการแปลบางตอนของหนังสือที่ผ่านการพิจารณาของพระสงฆ์ก็ถูกเซนเซอร์ ออกในเรื่องความเชื่อที่แน่นอน อย่างเช่น วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด ความเป็นสตรีอีกด้านหนึ่งของพระเป็นเจ้า และมังสวิรัติ กลุ่มเหล่านี้ใช้ไบเบิ้ลฉบับนาซาเรนวิถีแห่งชาวเอสเซน ม้วนพระคัมภีร์ฉบับเดดซี ต้นฉบับของห้องสมุดแห่งนัค ฮัมมาเฮี และคัมภีร์อื่น ๆ ที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นพื้นฐานการปฏิบัติตามหลักความเชื่อของพวกเขา

ถึงแม้ว่าไบเบิ้ล จะไม่สมบูรณ์และมีความขัดแย้งกันระหว่างการรับประทานเนื้อสัตว์และ มังสวิรัติ ซึ่งจำเป็นต้องให้มีการอธิบายอย่างรอบคอบ มีหลาย ๆ ข้อความที่ยังคงมีการอ้างถึงมังสวิรัติ ต่อไปนี้คือบางตัวอย่างจากฉบับแปลของกษัตริย์เจมส์

พระคริสต์ธรรมเก่า

พระ เจ้าตรัสว่า จงดู ฉันให้พืชสมุนไพรทุกชนิดที่ออกดอกผล ซึ่งอยู่บนพื้นโลกทั้งหมด และต้นไม้ทุกต้นที่มีผลซึ่งมีเมล็ดที่งอกเป็นต้นใหม่ได้ มันจะเป็นอาหารสำหรับเธอ ส่วนสำหรับสัตว์ทุกตัวของโลก สัตว์ปีกทุกตัวบนอากาศ และสัตว์เลื้อยคลานทุกตัวบนพื้นโลก ซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใน ฉันได้ให้พืชสมุนไพรทุกชนิดเป็นอาหาร และมันจงเป็นเช่นนั้น (เจเนซิส 1:29-30)

แต่ร่างกายที่มีชีวิต ซึ่งมีเลือด เธอจงอย่ากิน (เจเนซิส 9:4)

พวกเธอจงอย่าฆ่า(เอ็กโซดัส 20:13)

อาหารมื้อค่ำที่เป็นพืชสมุนไพรซึ่งมีความรัก ย่อมดีกว่าเนื้อวัวจากคอกสัตว์ซึ่งมีแต่ความเกลียดอยู่ข้างใน

จงอย่าอยู่ท่ามกลางคนขี้เมา ท่ามกลางคนหมกมุ่นรับประทานเนื้อสัตว์(Proverbs 23:20)

จุด ประสงค์ใดมากมายในการบูชาของเจ้าที่มีให้แก่ฉัน? พระเจ้าตรัส : ฉันเหลือจะทนกับการสังเวยด้วยการเผาแกะตัวผู้ และไขมันของสัตว์เลี้ยง และฉันไม่ชื่นชอบในเลือดของวัว หรือลูกแกะ หรือแพะ...และเมื่อเจ้ายกมือวิงวอนขอร้อง ฉันจะเบือนหน้าหนีจากเจ้า แม้มื่อเจ้าสวดภาวนามากมาย ฉันก็จะไม่รับฟัง:มือของเจ้าเต็มไปด้วยเลือด จงไปล้าง ล้างตัวเจ้าให้สะอาด หยุดการกระทำชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าฉัน จงหยุดการกระทำชั่วร้าย(อิสซายาห์1:11, 15-16)

พระคริสต์ธรรมใหม่

เนื้อสำหรับกระเพาะ และกระเพาะที่กินเนื้อสัตว์ พระเจ้าจะทำลายทั้งเนื้อและกระเพาะทั้งหลายนั้น(โครินเธียนส์ 6:13)

(พระเยซูตรัสว่า) ฉันมีความเมตตาให้ อย่ามาสังเวยให้ฉัน (แมทธิว 9:13 & 12:7)

(เซนต์ ปอล หนึ่งในลูกศิษย์ของพระเยซู กล่าวในจดหมายที่เขียนถึงชาวโรมัน) มันดีทั้งไม่รับประทานเนื้อสัตว์และทั้งไม่ดื่มไวน์ ทั้งไม่กระทำสิ่งใด ๆ ซึ่งผิดต่อพี่น้องของเธอ หรือขุ่นเคืองใจ หรือรังแก (โรมัน 14:21)


ชาวคริสต์ผู้รอบรู้หลายคนได้ลงความเห็นว่า การเป็นมังสวิรัติถูกต้องหลักจริยธรรมและตรงกันกับหลักคำสอนของพระเยซู กลุ่มชาวคริสต์หลายกลุ่มในยุคของพระเยซูได้ปฏิบัติแบบมังสวิรัติ ในกลุ่มเหล่านี้มีกลุ่ม the Seventh Day Adventist ซึ่งคงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชาวคริสต์จำนวนมากได้รับรู้ถึงความโหดร้ายและนิสัยการรับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมือนพระคริสต์ ในปัจจุบันนี้ ชาวคริสเตียนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนได้กลายมาเป็นมังสวิรัติ ซึ่งเป็นวิถีการใช้ชีวิตที่มีความเมตตาและความกรุณามากกว่า 





โต้แย้ง
ขอแก้ไขพระคัมภีร์ที่ถูกบิดเบือนนะครับ
(ถ้ามีเวลา ผมจะใส่ข้อมูลเพิ่มเติมครับ)


พระ เจ้าตรัสว่า จงดู ฉันให้พืชสมุนไพรทุกชนิดที่ออกดอกผล ซึ่งอยู่บนพื้นโลกทั้งหมด และต้นไม้ทุกต้นที่มีผลซึ่งมีเมล็ดที่งอกเป็นต้นใหม่ได้ มันจะเป็นอาหารสำหรับเธอ ส่วนสำหรับสัตว์ทุกตัวของโลก สัตว์ปีกทุกตัวบนอากาศ และสัตว์เลื้อยคลานทุกตัวบนพื้นโลก ซึ่งมีชีวิตอยู่ภายใน ฉันได้ให้พืชสมุนไพรทุกชนิดเป็นอาหาร และมันจงเป็นเช่นนั้น (เจเนซิส 1:29-30)
---

แก้เป็น

29พระ เจ้า​ตรัส​ว่า "ดู​นี่ เรา​ให้​ธัญพืช​ที่​มี​เมล็ด​ทุก​ชนิด ซึ่ง​มี​อยู่​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน และ​ต้น​ไม้​ผล​ทุก​ชนิด​ที่​มี​เมล็ด​ใน​ผล​ของ​มัน​แก่​เจ้า เป็น​อาหาร​ของ​เจ้า 30ฝ่าย​สัตว์​ทั้งหมด​บน​แผ่น​ดิน นก​ทั้ง​ปวง​บน​ท้อง​ฟ้า​และ​สัตว์​เลื้อย​คลาน​ทั้ง​หมด​บน​แผ่น​ดิน คือ สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​มี​ลม​หาย​ใจ​นั้น เรา​ให้​พืช​เขียว​สด​ทั้งปวง​เป็น​อาหาร" ก็​เป็น​ดัง​นั้น


29พระ เจ้า​ตรัส​ว่า "ดู​นี่ เรา​ให้​ธัญพืช​ที่​มี​เมล็ด​ทุก​ชนิด ซึ่ง​มี​อยู่​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน และ​ต้น​ไม้​ผล​ทุก​ชนิด​ที่​มี​เมล็ด​ใน​ผล​ของ​มัน​แก่​เจ้า เป็น​อาหาร​ของ​เจ้า 30ฝ่าย​สัตว์​ทั้งหมด​บน​แผ่น​ดิน นก​ทั้ง​ปวง​บน​ท้อง​ฟ้า​และ​สัตว์​เลื้อย​คลาน​ทั้ง​หมด​บน​แผ่น​ดิน คือ สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​มี​ลม​หาย​ใจ​นั้น เรา​ให้​พืช​เขียว​สด​ทั้งปวง​เป็น​อาหาร" ก็​เป็น​ดัง​นั้น
แต่ร่างกายที่มีชีวิต ซึ่งมีเลือด เธอจงอย่ากิน (เจเนซิส 9:4)
---
แก้เป็น

ทุก ​สิ่ง​ที่​มี​ชีวิต​เคลื่อน​ไหว​ไป​มา​จะ​เป็น​อาหาร​ของ​เจ้า เรา​จะ​ยก​ของ​ทุก​อย่างให้​แก่เจ้า ดัง​ที่​เรา​ยก​พืช​เขียว​สด​ให้​แก่เจ้าแล้ว 4แต่​ห้าม​กิน​เนื้อ​พร้อม​กับ​ชีวิต​ของ​มัน คือ​เลือด​ของ​มัน


พวกเธอจงอย่าฆ่า(เอ็กโซดัส 20:13)
---

แก้เป็น
"ห้าม​ฆ่า​คน


อาหารมื้อค่ำที่เป็นพืชสมุนไพรซึ่งมีความรัก ย่อมดีกว่าเนื้อวัวจากคอกสัตว์ซึ่งมีแต่ความเกลียดอยู่ข้างใน
จงอย่าอยู่ท่ามกลางคนขี้เมา ท่ามกลางคนหมกมุ่นรับประทานเนื้อสัตว์(Proverbs 23:20)
---

(ยกมาไม่หมดประโยค ทำให้เข้าใจผิดได้)

แก้เป็น

 20อย่าอยู่ท่ามกลางคนดื่มเหล้าองุ่น  
  หรือท่ามกลางคนตะกละที่กินเนื้อ  
 21เพราะคนขี้เมาและคนตะกละจะมาถึงความยากจน  
  และความง่วงเหงาจะเอาผ้าขี้ริ้ว
ห่มคนนั้น  


จุด ประสงค์ใดมากมายในการบูชาของเจ้าที่มีให้แก่ฉัน? พระเจ้าตรัส : ฉันเหลือจะทนกับการสังเวยด้วยการเผาแกะตัวผู้ และไขมันของสัตว์เลี้ยง และฉันไม่ชื่นชอบในเลือดของวัว หรือลูกแกะ หรือแพะ...และเมื่อเจ้ายกมือวิงวอนขอร้อง ฉันจะเบือนหน้าหนีจากเจ้า แม้มื่อเจ้าสวดภาวนามากมาย ฉันก็จะไม่รับฟัง:มือของเจ้าเต็มไปด้วยเลือด จงไปล้าง ล้างตัวเจ้าให้สะอาด หยุดการกระทำชั่วร้ายทั้งหลายต่อหน้าฉัน จงหยุดการกระทำชั่วร้าย(อิสซายาห์1:11, 15-16)
---

(ยกมาไม่หมดประโยค ทำให้เข้าใจผิดได้)

แก้เป็น
ประชาชาติบาปหนา  
 ชนชาติซึ่งหนักด้วยความบาปชั่ว  
 หน่อเนื้อของผู้กระทำความชั่วร้าย  
 บรรดาบุตรที่ทำความเสียหาย  
 เขาทั้งหลายได้ทอดทิ้งพระเจ้า  
 เขาได้ดูหมิ่นองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล  
 เขาทั้งหลายหันหลังให้เสีย  
 5ยังจะให้เฆี่ยนเจ้าตรงไหนอีก  
 ที่เจ้ากบฏอยู่เรื่อยไป  
 ศีรษะก็เจ็บหมด  
 จิตใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น  
 6ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ  
 ไม่มีความปกติในนั้นเลย  
  มีแต่ฟกช้ำและดำเขียว  
 และเป็นแผลเลือดไหล  
  ไม่เห็นบีบออกหรือพันไว้  
 หรือทำให้อ่อนลงด้วยน้ำมัน  
 7ประเทศของเจ้าก็ร้างเปล่า  
 และหัวเมืองของเจ้าก็ถูกไฟเผา  
  ส่วนแผ่นดินของเจ้า  
 คนต่างด้าวก็ทำลายเสียต่อหน้าเจ้า  
 มันก็ร้างเปล่าไป   อย่างที่คนต่างด้าวคว่ำมัน  
 8ส่วนศิโยนธิดาก็ถูกทิ้งไว้  
 เหมือนอย่างเพิง   ที่ในสวนองุ่น  
  เหมือนเพิงในไร่แตงกวา  
 เหมือนเมืองที่ถูกล้อม  
 9ถ้าพระเจ้าจอมโยธา  
 มิได้เหลือคนไว้ให้เราบ้างเล็กน้อยแล้ว  
  เราก็จะได้เป็นเหมือนเมืองโสโดม  
 และเป็นเหมือนเมืองโกโมราห์  
 10ดูก่อนท่านผู้ปกครองเมืองโสโดม  
 จงฟังพระวจนะของพระเจ้า  
  ดูก่อนท่านประชาชนเมืองโกโมราห์  
 จงเงี่ยหูฟังพระธรรมของพระเจ้า
ของเรา  
 11พระเจ้าตรัสว่า  
 “เครื่องบูชาอันมากมายของเจ้านั้น   จะเป็นประโยชน์อะไรแก่เรา  
  เราเอือมแกะตัวผู้อันเป็นเครื่องเผาบูชา  
 และไขมันของสัตว์ที่ขุนไว้นั้นแล้ว  
  เรามิได้ปีติยินดีในเลือดของวัวผู้  
 หรือลูกแกะหรือแพะผู้  
 12“เมื่อเจ้าเข้ามาเฝ้าเรา  
 ผู้ใดขอให้เจ้าทำอย่างนี้  
 ที่เหยียบย่ำเข้ามาในบริเวณพระนิเวศของเรา  
 13อย่านำเครื่องถวายอนิจจังมาอีกเลย  
 เครื่องบูชาอันเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชัง
ต่อเรา  
  วันเทศกาลข้างขึ้นและวันสะบาโตและการเรียกประชุม  
 เราทนต่อความบาปชั่วและการประชุมตามพิธีไม่ได้อีก  



พระคริสต์ธรรมใหม่

เนื้อสำหรับกระเพาะ และกระเพาะที่กินเนื้อสัตว์ พระเจ้าจะทำลายทั้งเนื้อและกระเพาะทั้งหลายนั้น(โครินเธียนส์ 6:13)
---

แก้เป็น

12 “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งนั้นเป็นประโยชน์ “ข้าพเจ้าทำทุกสิ่งได้” แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย 13“อาหารมีไว้สำหรับท้อง   และท้องก็สำหรับอาหาร” แต่พระเจ้าจะทรงให้ทั้งท้องและอาหารสูญสิ้นไป ร่างกายนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับการล่วงประเวณี แต่มีไว้สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า และองค์พระผู้เป็นเจ้ามีไว้สำหรับร่างกาย


(พระเยซูตรัสว่า) ฉันมีความเมตตาให้ อย่ามาสังเวยให้ฉัน (แมทธิว 9:13 & 12:7)
---

แก้เป็น

 10เมื่อ พระองค์ประทับและเสวยอาหาร อยู่ในบ้าน มีคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆหลายคน เข้ามาร่วมรับประทานอาหารกับพระเยซู และกับบรรดาสาวกของพระองค์ 11เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของพวกท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับพวกคนเก็บภาษี และพวกคนบาป?” 12เมื่อพระเยซูทรงได้ยินแล้วก็ตรัสว่า “คนแข็งแรงไม่ต้องการหมอ แต่คนเจ็บป่วยต้องการ 13ท่านจงไปเรียนความหมายของคัมภีร์ข้อนี้ ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเราไม่ได้มาเพื่อเรียกพวกคนชอบธรรม แต่มาเรียกพวกคนบาป”


(เซนต์ ปอล หนึ่งในลูกศิษย์ของพระเยซู กล่าวในจดหมายที่เขียนถึงชาวโรมัน) มันดีทั้งไม่รับประทานเนื้อสัตว์และทั้งไม่ดื่มไวน์ ทั้งไม่กระทำสิ่งใด ๆ ซึ่งผิดต่อพี่น้องของเธอ หรือขุ่นเคืองใจ หรือรังแก (โรมัน 14:21)
---

แก้เป็น

19เหตุ ฉะนั้นให้เรามุ่งประพฤติ ในสิ่งซึ่งทำให้เกิดความสงบสุขและความเจริญแก่กันและกัน 20อย่าทำลายสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเพราะเห็นแก่อาหารเลย อาหารทุกอย่างปราศจากมลทินก็จริง แต่การกินอาหารซึ่งเป็นเหตุให้ผู้อื่นสะดุด ก็เป็นสิ่งไม่ดี 21เป็นการดีที่จะไม่กินเนื้อสัตว์หรือเหล้าองุ่นหรือทำสิ่งใดๆ ที่จะเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุด
(เป็นการปฏิบัติของท่าน เปาโลคนเดียวเท่านั้น  ไม่เกี่ยวกับคนอื่น
ถ้ากินแล้ว ทำให้คนอื่นสะดุดก็ไม่ต้องกิน  แต่ถ้ากินแล้วไม่สะดุด ก็กินไปเลย  เพื่อเห็นแก่ผู้อื่น)


เพิ่มเติม

ปฐมกาล 9:1-4
พระ เจ้า​ทรง​อวย​พร​โนอาห์​และ​บุตร​ทั้ง​หลาย​ของ​เขา ตรัส​แก่​พวก​เขา​ว่า "จง​มี​ลูก​ดก​ทวี​มาก​ขึ้น​จน​เต็ม​แผ่น​ดิน 2สัตว์​ทั้ง​ปวง​บน​แผ่น​ดิน นก​ทั้ง​ปวง​บน​ท้องฟ้า สัตว์​ที่​เลื้อยคลาน​ทั้ง​สิ้น​บน​แผ่น​ดิน และ​ปลา​ทั้ง​สิ้น​ใน​ทะเล​จะ​กลัว​และ​หวาด​หวั่น​ต่อ​พวก​เจ้า เรา​มอบ​สัตว์​ทั้ง​ปวง​ไว้​ใน​มือ​ของ​พวก​เจ้า 3ทุก​สิ่ง​ที่​มี​ชีวิต​เคลื่อน​ไหว​ไป​มา​จะ​เป็น​อาหาร​ของ​เจ้า เรา​จะ​ยก​ของ​ทุก​อย่างให้​แก่เจ้า ดัง​ที่​เรา​ยก​พืช​เขียว​สด​ให้​แก่เจ้าแล้ว 4แต่​ห้าม​กิน​เนื้อ​พร้อม​กับ​ชีวิต​ของ​มัน คือ​เลือด​ของ​มัน


Exodus 16:12:
“เรา ได้ยินคำบ่นของชนชาติอิสราเอลแล้ว   จงกล่าวแก่เขาว่า   'ในเวลาโพล้เพล้   พวกเจ้าจะได้กินเนื้อ  ทั้งในเวลาเช้า   เจ้าจะได้อาหารกินจนอิ่ม  แล้วเจ้าจะรู้ว่า   เราคือพระเจ้าของพวกเจ้า' ”     

Exodus 29:32:
แล้วให้อาโรนกับบุตรของเขากินเนื้อแกะตัวผู้นั้น   และขนมปังซึ่งอยู่ในกระบุงที่ประตูเต็นท์นัดพบ

Deuteronomy 12:20:
“เมื่อ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงขยายอาณาเขต ของท่าน   ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่านแล้วนั้นและท่านกล่าวว่า   'เราจะกินเนื้อสัตว์'   เพราะพวกท่านอยากรับประทานเนื้อสัตว์   ท่านจะรับประทานเนื้อตามใจปรารถนาของท่านได้

Psalms 63:5:
จิตใจของข้าพระองค์จะอิ่มหนำดังกินเนื้ออย่างดี และไขมัน  
 และปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ด้วย ริมฝีปากที่ชื่นบาน  


I Corinthians 10:25:
ทุกสิ่งที่เขาขายตามตลาดเนื้อนั้น   รับประทานได้   ไม่ต้องถามอะไรโดยเห็นแก่ใจสำนึกผิดชอบ

Matthew 22:7-8
พอ ถึงวันกินขนมปังไร้เชื้อ   เมื่อเขาต้องฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกา 8พระองค์จึงทรงใช้เปโตรและยอห์นไป   สั่งเขาว่า   “จงไปจัดเตรียมปัสกาให้เราทั้งหลายกิน


พระคัมภีร์ไบเบิลผ่านการพิสูจน์มาแล้วเกือบ 2000 ปี

ซึ่งไม่คู่ควรกับคัมภีร์นอกรีตจากไหนก็ไม่รู้ ซึ่งหาข้อพิสูจน์ไม่ได้


พระเยซูไม่ได้อยู่นิกายเอสซีน (พวกรักสันโดด)

แต่พระเยซูคลุกคลีกับประชาชน ทำงานกับคนตลอดเวลา



สรุปแล้ว คริสเตียนทานเนื้อได้ครับ

แต่ต้องระวังไม่ให้คนอื่นสะดุด หรือทุ่มเถียงกัน

เช่น

กินสัตว์สงวน  สัตว์หายาก  

กินของที่เซ่นไหว้แล้ว (บางคนถือ บางคนไม่ถือ...ดังนั้นไม่ควรกินจะดีกว่า เพราะจะทำให้ทะเลาะกัน)


เหตุผลอื่น
--- กินโดยคำนึงถึงสุขภาพพลานามัย
--- กินให้ถูกต้องกับกาลเทศะ
--- กินให้เหมาะสมกับท้องถิ่น วัฒนธรรมที่ตนเองอาศัยอยู่ (เพื่อจะไม่ต้องเถียง หรือทะเลาะกับคนอื่น)




(เนื้อหายังไม่สมบูรณ์)