1 คร. 13:13 ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
ความรักเป็นผลพระวิญญาณอันแรกที่เอ่ยถึงในกาลาเทีย 5:22 ด้วยความ รักมีหลายแบบ และมีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น รักประเทศชาติ รักโดเรมอน รักหมา รักแฟน ฯลฯ อาจคนอาจใช้คำว่ารักกับหลายๆอย่างจนมันสูญเสียความหมายที่แท้จริงไป...มีเรื่องเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับความรัก บางคนอาจคิดว่าความรักเป็นแค่ความรู้สึก รู้สึกเสียวท้อง หรือขนลุก..ความรักอาจทำให้เกิดอารมณ์ได้ แต่มันไม่ใช่อารมณ์
คนเรามักพึ่งพาความรู้สึกบ่อยๆและปล่อยให้ความรู้สึกกระตุ้นให้เราทำสิ่งต่างๆความ คิดผิดๆอีกอย่างคือ รักควบคุมไม่ได้ เช่น "ตกหลุมรักคนนั้นเข้าแล้ว"...เราคิดเอสเองว่า ความรักควบคุมไม่ได้ แต่พระคัมภีร์บอกว่า ความรักควบคุมได้ จริงๆแล้วพระเยซูสั่งให้เรารักผู้อื่น ถ้อยคำของพระองค์ชี้ชัดว่า เราสามารถควบคุมได้ว่าเราจะรักใครและไม่รักใคร
แก่นแท้ของความรักเป็นเรื่องของสองสิ่ง
1.ความรักเป็นเรื่องของการตัดสินใจ คส.3:14 "จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์"...ให้สังเกตคำว่า "สวม"...ความรักเป็นสิ่งที่เราเลือกมีได้ สวมใส่ได้ ถอดออกได้ และควบคุมได้
2.ความรักเป็นเรื่องของความประพฤติ ความรักเป็นสิ่งที่เราทำ เป็นการกระทำ ไม่ใช่ความรู้สึก 1 ยน.3:18 "อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง" คนเรารักกันด้วยคำพูดบ่อยๆ แต่ไม่ใช่ด้วยการกระทำ...ช. ผมรักคุณมาก ผมยอมตายเพื่อคุณนะ...ญ. คุณพูดอย่างนี้เสมอ แต่คุณไม่เคยทำเสียที
เป็นไปได้ไหม...ที่จะรักแม้กระทั่งคนที่คุณไม่ชอบขี้หน้า...ถ้าใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมงคิดรายชื่อคนที่คุณไม่ชอบขี้หน้า ก็อาจได้รายชื่อออกมายาวเหยียด พวกเขาอาจเป็นคนที่คุณเข้าด้วยไม่ได้...คนเรามีสิ่งที่ไม่น่ารักด้วยกันทั้ง นั้น แม้แต่ตัวคุณเอง บางครั้งคนอื่นก็รักเราไม่ลงเหมือนกัน แต่บางคนก็รักไม่ลงตลอดเวลา
ในพระคัมภีร์ได้บอกสิ่งที่เรา ต้องทำเพื่อหัดรักผู้อื่น...เวลานี้ลองคิดภาพคนที่รักไม่ลงจริงๆไว้ในใจ อาจเป็นญาติพี่น้องที่เราไม่ชอบ เพื่อนบ้านที่คอยก่อเรื่องเดือดร้อน หรือเพื่อนร่วมงานที่ไม่ถูกกัน แล้วถามตัวเองว่าจะหัดรักคนประเภทนี้ได้ยังไง ต่อไปนี้เป็นแนวทางจากพระวจนะของพระเจ้าให้เราเติบโตขึ้นในความรัก
1.สัมผัสความรักของพระเจ้า
ก่อนจะรักใครได้ เราต้องเข้าใจว่าพระเจ้ารักเราลึกซึ้งแค่ไหน อฟ.3:17-19 ให้พระคริสต์ประทับในใจของท่านโดยทางความเชื่อ ให้ท่านได้หยั่งรากและตั้งมั่นอยู่ในความรัก ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก คือให้ซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม
พระเจ้าอยากให้เรารับรู้และเข้าใจความรักของพระองค์ 1ยน.4:19 เรารัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน ทำไม เราต้องรับรู้ว่าพระเจ้ารักเรา...เพราะปกติคนที่ไม่มีใครรัก ก็รักใครไม่เป็น...เมื่อเรามีปัญหากับคนอื่น ไม่มีใครรักเรา เราก็ไม่อยากรักใคร...ฉะนั้น ก่อนอื่น เราเองต้องสัมผัสความรักของพระเจ้าก่อน พระเยซูตรัสว่า ยน.15:12 "พระบัญญัติของเรา คือให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เราได้รักท่าน" นั่นคือแบบอย่างแห่งรักของพระเยซูคริสต์
2.อภัยศัตรู
ถ้าเราต้องการหัดรักผู้อื่น คือ ให้อภัยคนที่เคยทำร้ายเรา คส.3:13 ถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน หลายคนมีเหตุผลสมควรที่จะโกรธ บางคนอาจเคยโดนทำร้ายอย่างรุนแรง การละเมิดทางเพศ ถูกคนอื่นโกง บางคนถูกหาเรื่องทุกๆวัน ฯลฯ...แต่เราจำเป็นต้องปล่อยอดีตให้ผ่านพ้นไป เพื่อดำเนินชีวิตต่อไปในปัจจุบันได้ การเริ่มต้นรักคนอื่นในวันนี้ เราต้องทิ้งความแค้น ความขมขื่น...ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่ให้อภัยผู้อื่น...เมื่อไหร่ที่เราผูกใจเจ็บ เราก็เอาใจ ความสนใจและความคิดไปให้เขา เราอยากให้เขาได้ส่วนนั้นๆไปหรือ? ไม่เลย...จงเอามันกลับคืนมาให้หมด โดยการให้อภัย...ให้อภัยคนที่เคยทำร้ายเรา...แทนที่จะสาธยาย คร่ำครวญซ้ำแล้วซ้ำอีก...ปล่อยมันไปดีกว่า
3.คิดเรื่องความรัก
พระคำของพระเจ้าเตือนใจเราว่า ฟี ลิปปี 2:4-5 "อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์" การคิดเรื่องความรักหมายความว่าอะไร? หมายถึงให้เราจดจ่อถึงความต้องการ ความเจ็บปวด ปัญหา และเป้าหมายของคนอื่น ไม่ใช่เอาแต่คิดเรื่องของตนเอง...เราจะเข้าใจคนอื่นได้ง่าย เมื่อเราหัดเอาใจเขามาใส่ใจเรา...คนที่เจ็บปวดย่อมทำให้คนอื่นเ็จ็บปวด ด้วย...ถ้ามีใครทำร้ายเรา ที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเขากำลังเจ็บปวดนั่นเอง...เราต้องมองข้ามความผิดพลาด ของเขา และมองเข้าไปถึงความต้องการของเขา เมื่อนั้นเราก็จะหัดรักเขาได้...ใครๆก็ต้องการความรักทั้งนั้น ถ้าคนนั้นไม่ได้รับความรัก เขาก็จะพยายามเรียกร้องความสนใจ และถ้าเขาไม่ได้รับความสนใจในด้านดี เขาก็จะหาทางเรียกร้องความสนใจในทางเสียหาย เพราะเขากำลังคิดว่า ยังไงฉันก็ต้องทำให้เขาสนใจให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง (บางคนทำร้ายตัวเอง เอามีดกรีดตัวเอง กระโดดตึก ร้องไห้ ฯลฯ เพื่อเรียกร้องความสนใจ)
ความคิดเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของเรา เราเปลี่ยนความรู้สึกไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนความคิดได้...และเมื่อเราเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับใครสักคน ความรู้สึกของเราที่มีต่อเขาจะค่อยๆเปลี่ยนไป...แทนที่จะมัวคิดถึงแต่ความ ผิดพลาดของคนๆหนึ่ง เราเริ่มคิดถึงความต้องการอื่นๆของเขาแทน...มันเปลี่ยนความรู้สึกเราได้ ลองดูสิ มันเปลี่ยนได้จริงๆ
4.ทำด้วยความรัก
เรา หัดรักคนอื่นโดย "ทำด้วยความรัก"...รักคนที่ฉันไม่ชอบขี้หน้า ทำให้เราเสแสร้งหรือเปล่า?" เปล่าเลย...แบบนั้นเขาเีรียกว่าแสดงความรักด้วยความเชื่อต่างหาก...เมื่อเรา รักด้วยความเชื่อ เราลงมือก่อน แล้วความรู้สึกจะตามมา...นี่เป็นความจริงที่สำคัญมาก...การลงมือทำก่อนแล้ว ให้ความรู้สึกตามมา ย่อมง่ายกว่ารอให้รู้สึกอยากทำ แล้วค่อยทำ...ถ้าผมทำตัวกระตือรือร้น เดี๋ยวความรู้สึกกระตือรือร้นก็มาเอง...ถ้าผมทำตัวมีความสุข แล้วความสุขมันก็จะตามมา...ถ้าเราเริ่มทำสิ่งที่แสดงความรักต่อคนอื่น ไม่นานเราจะรู้สึกรักคนอื่นได้...การกระทำมีผลต่ออารมณ์ของเรา และความคิดก็ยังมีผลต่อความรู้สึก
ถ้าเราบอกว่า "ฉันเปลี่ยนความรู้สึกไม่ได้" แสดงว่าเรากำลังจดจ่อกับความรู้สึกโดยตรง เราเปลี่ยนความรู้สึกตรงๆไม่ได้แต่เปลี่ยนแบบอ้อมๆได้ โดยเปลี่ยนความคิดและการกระทำของเรา ลูกา 6:27-28 จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน จงอธิษฐานเผื่อคนที่ทำร้ายท่าน พระองค์ต้องการให้เราทำ 4 อย่าง...การที่เราทำทั้ง 4 อย่างนี้ พระเจ้าอาจทำให้เขาเปลี่ยนแปลงผ่านทางชีวิตของเรา...แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ เปลี่ยน แต่ที่แน่ๆ ท่าทีของเราที่มีต่อเขา ได้เปลี่ยนแปลงแล้ว
...เราต้องเข้าใจว่าพระเจ้ารักเรา แล้วเราก็สัมผัสความรักนั้น ไม่ใช่ในสมองเท่านั้น แต่ในใจของเรา จากนั้นปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บขมขื่นในอดีต โดยยกโทษให้แก่คนที่เคยทำร้ายเรา จากนั้นเริ่มคิดเรื่องการรักคนอื่น และแสดงความรักแก่คนอื่น แล้วความรู้สึกรักก็จะเริ่มมาเอง
5.คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด
สิ่งนี้อาจทำได้ยาก คือ "คาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด" 1 คร.13:7 ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ...เรามักมีแนวโน้มจะดำเนินชีวิตตามส่ิงที่คนอื่นคาดหวังจากเรา...พ่อแม่ส่ง ลูกเรียหนังสือและคาดหวังให้ลูกเป็นฯลฯ...บางคนเป็นความหวังของคนทั้งหมู่ บ้าน...เป็นความหวังของ ฯลฯ...ถ้าหากพ่อกล่าวกับลูกว่า "แกไม่มีวันได้ดีหรอก แกมันก็แค่ไอ้..." ก็เท่ากับทำให้เด็กนั้นไปสู่ความล้มเหลวเรียบร้อยแล้ว....ให้เรามีความหวัง ในผู้อื่น ไม่ใช่มองเขาว่าโง่ อย่าทำเพื่อการบีบบังคับ...แต่ทำเพราะเราเชื่อในตัวพวกเขาจริงๆ...ความรัก ย่อมคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด...การแสดงความรักด้วยความเชื่อเป็นพลังที่ยิ่ง ใหญ่ที่สุดในโลก
การรื้อฟื้นความรัก
พระคริสต์พูดกับคริสตจักรเอเฟซัสเรื่องความรักของพวกเขาที่จางหายไป นั่นคือความรักที่มีต่อพระเจ้า...รักเหือดแห้ง ไร้อารมณ์ ขณะที่พวกเขารับใช้พระองค์ไปงั้นๆ พระเยซูบอกพวกเขาให้ทำ 3 อย่างในการจุดไฟรักขึ้นใหม่...วิธีของพระเยซูสามารถนำมาใช้ได้ดีมาก พระเยซูตรัสว่า วิวรณ์ 2:3-5 "เรารู้ว่าพวกเจ้ามีความทรหดอดทน และยอมทนเพราะนามของเรา และไม่ได้อ่อนระอา แต่เรามีข้อที่จะต่อว่าเจ้าบ้าง คือว่าเจ้าละทิ้งความรักครั้งแรกของเจ้า เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่"
ระลึก - ถึงตอนที่ยังไม่เกลียดกัน ระลึกถึงสิ่งดีๆ
กลับใจใหม่ - เปลี่ยนใจ เปลี่ยนวิธีคิด...ท่อง 1 คร.13 ใคร่ครวญและเริ่มลงมือทำตามนั้น
ตามที่เหมือนที่เคยทำในตอนแรก
ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้มีแต่ความรัก...ให้เราอุทิศ ชีวิตทั้งสิ้นเพื่อพระคริสต์...ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าไม่ ดี...ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนอื่นก็ไม่ดีไปด้วย...ให้เราสำรวจความ สัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า...พระเจ้าสามารถให้ความรักแก่เราได้อย่าง อัศจรรย์...ดังนั้น มอบชีวิตเพื่อพระเยซูสุดหัวใจเถอะครับ